เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนังสือรวบรวมการบรรยายและบทวิเคราะห์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับการพัฒนาจีนให้เป็นประเทศเข้มแข็งด้านอินเทอร์เน็ตได้ตีพิมพ์ออกจำหน่าย หนังสือเล่มนี้รวบรวมสุนทรพจน์ รายงาน ปาฐกถา คำชี้แนะ คำสั่งการ และจดหมายแสดงความยินดี ระหว่างวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2013 - 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 รวม 100 บท ในจำนวนนี้หลายบทนำมาเปิดเผยเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 เป็นต้นมา คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่นำโดยนายสี จิ้นผิง ให้ความสำคัญอย่างมากแก่การพัฒนาและกำกับดูแลภารกิจด้านอินเทอร์เน็ต โดยประสานงานด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญระหว่างหน่วยงานเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นระบบสารสนเทศ ทั้งยังกำหนดนโยบายและดำเนินมาตรการสำคัญต่าง ๆ ผลักดันให้ภารกิจการพัฒนาอินเทอร์เน็ตและความเป็นระบบสารสนเทศของจีนประสบความสำเร็จเชิงประวัติศาสตร์ ตลอดจนทำให้จีนสามารถเดินบนหนทางการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงให้ความสำคัญยิ่งกับเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เขาเคยกล่าวในการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นระบบสารสนเทศที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2016 ว่า เทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดทางอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตเรา การที่เทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดถูกผู้อื่นควบคุมนั้น เป็นความเสี่ยงใหญ่สุดที่แฝงอยู่ของเรา การอุปมาอุปไมยดังกล่าวมีความหมายลึกซึ้งอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้นำประเทศใหญ่
ชิปทันสมัยที่จีนเป็นผู้วิจัยและพัฒนา
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวถึงคำว่า “เทคโนโลยี” มากถึง 70 ครั้งระหว่างการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นระบบสารสนเทศ ในสุนทรพจน์และจดหมายแสดงความยินดีต่อการประชุมอินเทอร์เน็ตโลกหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้เน้นคำว่า “เทคโนโลยี” เช่นกัน การลงพื้นที่ตรวจงานทุกครั้ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยังให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อเทคโนโลยีแนวหน้าทางอินเทอร์เน็ต
ที่ศูนย์ข้อมูลบิ๊กดาต้าเมืองกุ้ยหยัง มณฑลกุ้ยโจว ทางภาคใต้ของจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเยี่ยมชมโดรนขนาดจิ๋วที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติพร้อมรับฟังรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานบริหารของรัฐบาลมณฑลกุ้ยโจวและการรักษาความปลอดภัยของอาหารด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ ในงานมหกรรมอินเทอร์เน็ต ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงรับฟังรายงานเกี่ยวกับการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ ระบบเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์ ระหว่างลงพื้นที่มณฑลเจ้อเจียง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้ตรวจเยี่ยมศูนย์บริหารจัดการเมืองหางโจว ศูนย์แห่งนี้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการเมืองและแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ เช่น การจราจรติดขัด และการป้องกันควบคุมการระบาดของโรค ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวระหว่างตรวจงานที่ศูนย์แห่งนี้ว่า ต้องเร่งประยุกต์การใช้เทคโนโลยีแนวหน้าต่าง ๆ เช่น บิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง บล็อกเชน และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อผลักดันการสร้างนวัตกรรมทั้งทางวิธีการ รูปแบบ และแนวคิดในการบริหารจัดการเมือง
วันที่ 31 มีนาคม 2020 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการเมืองหางโจว พร้อมรับฟังรายงานเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแนวหน้าต่าง ๆ เช่น บิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง บล็อกเชน และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในการบริหารจัดการเมือง
ในสายตาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดเป็นสิ่งสำคัญมากของประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดจึงต้องพึ่งพาอาศัยการสร้างนวัตกรรมด้วยตนเอง ต้องพึ่งลำแข้งของตนเอง
มิต้องสงสัยเลยว่า การสร้างประเทศเข้มแข็งด้านอินเทอร์เน็ตต้องกุมเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดของอินเทอร์เน็ตให้อยู่ในมือ ก่อนอื่นต้องวิจัยและพัฒนาชิป (Chip) ที่ทันสมัยด้วยตนเอง ในประเด็นนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงมีการจัดวางทั้งทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี เขาชี้แนะว่า เราต้องแสวงหาการสร้างกลไกร่วมมือด้านเงินทุนที่มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น จัดตั้งบริษัทการลงทุนเพื่อวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดพร้อมให้วิสาหกิจชั้นนำแสดงบทบาทที่มีความได้เปรียบ รวมทั้งกระตุ้นการพัฒนาของวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเผยแพร่และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของวิสาหกิจที่อยู่ต้นทาง ขณะเดียวกันก็จะได้แก้ไขปัญหาไม่มีชิปใช้ในกระบวนการการผลิตของวิสาหกิจที่อยู่ปลายทาง
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวด้วยว่า จีนและต่างชาติอยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกัน หากเราสามารถวางแผนล่วงหน้าและระดมกำลังการวิจัยพัฒนา เราก็จะสามารถเปลี่ยนฐานะจากผู้ติดตามเป็นผู้ไปพร้อมกัน จนกระทั่งเป็นผู้นำหน้า คำชี้แนะดังกล่าวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงทำให้ผู้ทำงานในแวดวงอินเทอร์เน็ตและระบบสารสนเทศมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หากไม่ได้เดินหน้าทีละก้าวก็ไม่สามารถไปไกลถึงพันลี้ หากไม่มีน้ำจากลำธารต่าง ๆ ไหลเข้ามาสมทบ แม่น้ำสายใหญ่ก็จะไม่เกิด ช่วงหลายปีมานี้ภายใต้การนำอันเข้มแข็งของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนนำ จีนสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยมีการประสานการพัฒนาเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการคำนวณประสิทธิภาพสูง (High-performance Computing) และระบบสารสนเทศที่สามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง จีนยังได้ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนาอินเทอร์เน็ตและระบบสารสนเทศ เช่น วิจัยพัฒนาซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ "เทียนเหอ" ซีพียู “feiteng” รวมถึงระบบปฏิบัติการ Kylin
ต้องให้การไหลเวียนของ “เส้นเลือดใหญ่” คล่องตัว
เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาต้องถูกนำมาประยุกต์ใช้ ปัจจุบัน จีนนำเทคโนโลยีจำนวนมากมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เช่น แค่สแกนใบหน้าก็สตาร์ทรถยนต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจ สามารถใช้ประโยชน์จากกล้องถ่ายรูปบนโทรศัพท์มือถือในการแปลเมนูอาหารรวมถึงป้ายถนนที่เขียนด้วยภาษาต่างชาติ สำหรับประเด็นนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาเศรษฐกิจไม่ควรแยกออกจากกัน เราต้องทุ่มเทกำลังผลักดันให้นำผลสำเร็จในการวิจัยเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม ต้องเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศและระดมทรัพยากรด้านสารสนเทศในระดับลึกซึ้ง เพื่อให้การไหลเวียนของ “เส้นเลือดใหญ่” แห่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมีความคล่องตัว
การพัฒนาประเทศเข้มแข็งด้านอินเทอร์เน็ตไม่เพียงแต่ต้องรุดหน้าเท่านั้น หากยังต้องระดมกำลังจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย ในแวดวงระบบสารสนเทศโลก ขณะนี้ความสามารถในการระดมห่วงโซ่การสร้างนวัตกรรม ห่วงโซ่อุตสาหกรรม และห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม นับวันยิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญในการชี้ขาดแพ้ชนะ หากเปรียบเทียบชิปที่วิจัยพัฒนาโดยจีนเสมือนเป็นเครื่องยนต์ การหมุนเวียนเทคโนโลยีสารสนเทศก็เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงพลังไปทั่วทั้งร่างกาย เมื่อการหมุนเวียนของเส้นเลือดใหญ่คล่องตัวแล้ว ร่างกายจึงจะแข็งแรงขึ้นมาได้
เจ้าหน้าที่กำลังสาธิตการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
การทำให้เส้นเลือดใหญ่หมุนเวียนได้อย่างคล่องตัวนั้น ก่อนอื่นต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้เส้นเลือดสามารถครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จีนเริ่มต้นจากการวางเคเบิลอินเทอร์เน็ตความเร็ว 64 กิโลบิตต่อวินาทีสายแรกเมื่อ 20 ปีก่อน จนสร้างเครือข่าย 4G ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเสร็จเรียบร้อย ทั้งยังเริ่มพัฒนาเครือข่าย 5G อยู่ในปัจจุบัน
การทำให้เส้นเลือดใหญ่หมุนเวียนได้อย่างคล่องตัวนั้นยังต้องเสริมการประยุกต์ใช้และความเป็นอุตสาหกรรมของวิทยาศาสตร์ รวมถึงเทคโนโลยีแกนหลักที่สำคัญที่สุดทางอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน ยังต้องเสริมการบูรณาการระหว่างอินเทอร์เน็ตกับสาขาอาชีพต่าง ๆ ทุ่มกำลังเต็มที่ผลักดัน “อินเทอร์เน็ต+” ปีหลัง ๆ นี้ เครือข่ายรถไฟความเร็วสูง อีคอมเมิร์ซ การชำระเงินผ่านมือถือ และเศรษฐกิจร่วมใช้ประโยชน์ (Sharing Economy) ของจีนอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก “อินเทอร์เน็ต+” หลอมรวมอยู่ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 “อินเทอร์เน็ต+งานบริหารของรัฐบาล” สนับสนุนการป้องกันควบคุมโรคระบาด รวมถึงการฟื้นการทำงานและการผลิตอย่างทรงพลัง
ก้าวสู่ประเทศเข้มแข็งทางอินเทอร์เน็ต
หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ จีนเคยเป็นประเทศเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากเคยปิดประเทศจากโลกที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง จีนจึงพลาดโอกาสการปฏิวัติอุตสาหกรรม จนในที่สุดถูกบังคับให้เปิดประตูประเทศท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ ทำให้ประวัติศาสตร์จีนต้องเขียนหน้าหนึ่งที่อัปยศอดสูและประชาชนต้องแบกรับความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนได้
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มองเห็นโอกาสของจีนจากการพัฒนาของโลก เขากล่าวว่า ยุคปัจจุบันการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรอบใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังเกิดขึ้น อินเทอร์เน็ตนับวันยิ่งกลายเป็นพลังนำการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยการสร้างนวัตกรรม ทั้งยังเปลี่ยนการผลิตและชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม
ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศด้วยเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ในเมืองฮูฮอต เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ประเทศจีน
จากการใช้ความพยายามของชาวจีนหลาย ๆ รุ่น ปัจจุบันจีนอยู่ในจุดที่ใกล้กับเป้าหมายการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประชาชาติจีน เราต้องกุมโอกาสนี้ไว้ให้แน่น ไม่ควรพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์เช่นนี้โดยเด็ดขาด
กุมโอกาสทางประวัติศาสตร์ ขับเคลื่อนการปฏิวัติทางเทคโนโลยี เปิดประเทศในระดับที่สูงขึ้น เร่งสนับสนุนการพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความเป็นระบบสารสนเทศ
วันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2016 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวอย่างหนักแน่นว่า นี่เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ของคนรุ่นเรา เป็นภารหน้าที่ของเราต่อประชาชาติจีน ต่อบรรพบุรุษ และต่อคนรุ่นหลัง
(tim/cai/lu)