ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆของจีน ท่านจะเห็นร้านขายสินค้าฟุ่มเฟือยชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพชรพลอย เครื่องประดับ นาฬิกา หรือกระเป๋า ล้วนเป็นของแบรนด์เนมและราคาแพงมาก เช่น กระเป๋ากุซชี่ ซึ่งโด่งดังทั่วโลก ตั้งราคาถึงหลายหมื่นหยวนได้ แต่ถ้าบอกต้นทุนการผลิตของกระเป๋าเหล่านี้ ท่านคงต้องตกใจแน่ๆ เพราะรุ่นที่ใช้วัตถุดิบและหนังที่ดีที่สุด มีต้นทุนการผลิตแค่ไม่ถึง 1,000 หยวน
ไม่น่าเชื่อเลยว่า กระเป๋าที่มีต้นทุนการผลิตไม่กี่ร้อยหยวนสามารถขายได้ราคาถึงหมื่นหยวน การขึ้นราคาหลายสิบเท่าตัวมีกระบวนการอย่างไรบ้าง?
กระเป๋าในร้านกุซชี่ต่างๆของจีนล้วนติดเครื่องหมาย "Made in Italy" แต่อันที่จริง บุคคลในวงการนี้เผยว่า กระเป๋ากุซชี่ซึ่งจำหน่ายไปยังทั่วโลก ส่วนใหญ่ผลิตในจีน โรงงานที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองตุงกว่าน มณฑลกว่างตุง เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฮกเกี้ยน และมณฑลเจียงซู
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องในโรงงานเหล่านี้แล้วพบว่า กระบวนการผลิตกระเป๋ากุซซี่ไม่แตกต่างกับกระเป๋าทั่วไปมากนัก เพียงแต่เพิ่มขั้นตอนความละเอียดนิดหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต่างกับกระเป๋าทั่วไปคือ วัตถุดิบอย่างหนังที่ใช้ในการผลิตต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ บราซิล และอิตาลี ต้องทำตัวอย่างตามที่บริษัทกุซชี่ออกแบบมาก่อน ให้บริษัทกุซชี่พิจารณาและเมื่อยืนยันต้นแบบแล้ว จึงเริ่มกระบวนการผลิต
ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก็เข้มงวดกว่ากระเป๋าทั่วไป และต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป แม้ว่าขั้นตอนการผลิตและตรวจคุณภาพกระเป๋ากุซชี่จะต้องเน้นความละเอียดและเข้มงวดกว่ากระเป๋าทั่วไปก็จริง แต่เมื่อคิดต้นทุนโดยรวมทั้งด้านวัตถุดิบ แรงงาน และการตรวจสอบคุณภาพแล้ว ต้นทุนการผลิตกระเป๋ากุซชี่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 500-600 หยวน แม้จะใช้หนังที่ดีที่สุด ก็ไม่เกิน 1,000 หยวน
อันที่จริง กระเป๋ากุซชี่สำเร็จรูปที่เพิ่งผลิตออกมาจากโรงงานไม่มีความแตกต่างใดๆกับสินค้าที่รอจำหน่ายในร้าน แต่ยังไม่สามารถจำหน่ายได้โดยตรง เพราะยังต้องผ่านอีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ทำให้กระเป๋าเหล่านี้มีราคาเพิ่มหลายเท่าได้ นั่นก็คือ "การเดินทางนอกประเทศ"
บริษัทเทียนจวงเมืองเซี่ยเหมินเป็นบริษัทแปรูรูปสินค้าส่งออกแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับใบสั่งจากอิตาลีจำนวนมากในทุกๆปี นายฟัง ซุ่ง ผู้จัดการบริษัทดังกล่าวเผยว่า ตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้าแต่ละตู้สามารถบรรทุกกระเป๋ากุซชี่ 3000-5000 ใบ โดยแต่ละตู้ต้องจ่ายค่าแจ้งศุลกากรกว่า 2000 หยวน และค่าขนส่งทางเรือไปยังยุโรปประมาณ 2000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากขนส่งทางอากาศคงต้องจ่ายค่าขนส่งมากกว่าหลายเท่า แต่อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทำให้ต้นทุนกระเป๋าเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ก็ใกล้จะถึงจุดที่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงแล้ว
หลังการขนส่งทางเรือเป็นเวลานาน กระเป๋ากุซชี่ที่ผลิตจากโรงงานของจีนเดินทางไปถึงสำนักงานใหญ่บริษัทกุซชี่ในอิตาลี ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของกระเป๋ายี่ห้อนี้ และส่งออกจากอิตาลีไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก สิ่งที่แตกต่างกับช่วงที่เพิ่งผลิตออกจากโรงงานจีนคือ ขณะนี้ กระเป๋ากุซชี่แต่ละใบติดเครื่องหมาย "Made in Italy" แล้ว
กระเป๋าที่ "Made in Italy" เหล่านี้ถูกส่งออกไปจำหน่ายในจีนด้วย โดยขณะนี้ ราคาของกระเป๋ากุซชี่เพิ่มถึงหมื่นหยวนทันที กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง
แต่การเพิ่มราคาสูงขึ้นเป็น 20 เท่าตัวนั้นไม่ได้ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยแต่อย่างใด เพราะนี่เป็นกระบวนการที่ไม่ผิดปกติ แม้ว่ากระเป๋าเหล่านี้ผลิตในจีน แต่ยังเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอิตาลี บริษัทอิตาลีนำเอาสินค้าของตนไปจำหน่ายในจีนถือว่าเป็นการส่งออก สำหรับฝ่ายจีน นี่เป็นการนำเข้า สินค้าเหล่านี้จึงต้องเสียภาษีศุลกากรตามกฎหมาย อย่างเช่นเครื่องสำอางนำเข้า ต้องเสียภาษีศุลกากร 6.5%-18% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 17% และภาษีบริโภค 30% รวมทั้งหมดแล้วต้องเสียภาษีกว่า 60% นอกจากภาษีเหล่านี้แล้ว ยังต้องจ่ายค่าผ่านทาง ค่าขนส่ง ภาษีกาค้า ภาษีเงินได้ และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆอีกหลายอย่าง จึงทำให้ของฟุ่มเฟือยเหล่านี้มีราคาถูกในต่างประเทศ แต่เป็นของแพงในประเทศจีน
แม้ภาษีและค่าใช้จ่ายต่างๆจะทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยมีราคาเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น 20 เท่าได้
ตัวแทนสินค้าแบรนด์เนมผู้หนึ่งเผยว่า อันที่จริง ต้นทุนสินค้าฟุ่มเฟือยต่ำมาก บริษัทต่างประเทศคัดเลือกโรงงานในจีนแห่งหนึ่ง โดยอนุมัติให้ผลิตและแปรรูปสินค้าเหล่านี้ เพราะว่าต้นทุนแรงงานในจีนต่ำที่สุดในโลก แต่บริษัทเหล่านี้จะเซ็นสัญญากับโรงงานของจีนว่า ห้ามเปิดเผยยี่ห้อสินค้าเหล่านี้ต่อภายนอกไม่ว่าบุคคลใด หากมีการฝ่าฝืนข้อตกลงการผลิตจะถูกยกเลิกทันที เพื่อให้ได้รับใบสั่งผลิตหรือออเดอร์อย่างต่อเนื่อง โรงงานของจีนจึงต้องปฏิบัติตามและไม่ยอมเผยว่ากำลังผลิตสินค้าให้บริษัทใด
สินค้าที่ผลิตในจีนเหล่านี้เดินทางไป "เที่ยวต่างประเทศ" รอบหนึ่ง กลับมาแล้วก็กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยนำเข้า บริษัทต่างประเทศส่วนใหญ่จะตั้งราคาสูงกว่าต้นทุน 10 เท่าขึ้นไป เพื่อรักษาคุณค่าของยี่ห้อ ต้องสร้างชื่อเสียงให้กับสินค้าที่เป็นของแพงเหล่านี้ให้ได้
นี่ก็คงเป็นสำเหตุที่สินค้าฟุ่มเฟือยส่วนใหญ่ไม่ย่อมลดราคา ทั้งๆที่บริษัทได้กำไรสูงมากแล้ว โดยเฉพาะในตลาดจีน เราพบว่า สินค้าพวกนี้ลดราคาน้อยมาก ไม่เหมือนในต่างประเทศ ที่เรายังได้เจอโปรโมชั่นของสินค้าประเภทเดียวกันได้บ้าง บางช่วงยังสามารถซื้อแบรนด์เนมในราคาถูกได้
บุคคลในวงการสินค้าฟุ่มเฟือยเผยว่า ภาพพจน์และคุณค่าของยี่ห้อเหล่านี้สำคัญกว่าการจำหน่าย แบรนด์เนมบางอย่างถึงจะขายไม่ออกแม้แต่ชิ้นเดียว ก็ไม่อาจลดราคาได้อย่างเด็ดขาด และยังคงจะขึ้นราคาในช่วงที่เหมาะสม
ยังมีคนในวงการนี้เผยว่า ถึงจะลดภาษีให้ สินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่างก็ไม่อาจลดราคาได้ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้คนในวงการนี้ที่จะรักษาคุณค่าของยี่ห้อ แต่เหตุใดเราจึงเห็นการลดราคาของสินค้ายี่ห้อเดียวกันในต่างประเทศบ้าง?
นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า ในแหล่งกำเนิดสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ ผู้คนไม่นิยมและสนใจสินค้าเหล่านี้มากมายอย่างคนจีน ถ้าราคาแพงมาก จะไม่มีคนซื้อจริงๆ แต่ในตลาดของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเอเชียบางประเทศไม่เหมือนกัน ผู้คนคิดกันว่า การใช้ของแพงจะแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยและฐานะทางสังคม บางคนติดแฟชั่นยุโรปอย่างมาก สำหรับแบรนด์เนมจากยุโรปหรืออเมริกา ยิ่งแพงจะยิ่งมีคนซื้อ ดังนั้น สินค้าธรรมดาบางอย่างในยุโรปจึงกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนได้ นี่คงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กระเป๋ากุซชี่ในจีนตั้งราคาสูงกว่าต้นทุน 20 เท่าได้ In/Sun