กำแพงเมืองจีน
  2011-09-20 17:31:28  cri

ล.สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง ดิฉันหลิว หรง และคุณพัลลภ สามสี ยินดีต้อนรับท่านเข้าสู่รายการคุยกันวันละประเด็นค่ะ

พ. สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศดีมาก ทำให้รู้สึกอยากออกไปเที่ยวบ้าง

ล. ดิฉันพาคุณไปเที่ยวในรายการของเราก่อนจะดีไหมคะ ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงของกรุงปักกิ่ง อากาศไม่ร้อนไม่เย็น ไม่แห้งไม่ชื้น เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุดค่ะ ชาวจีนเรียกฤดูนี้ว่า "จินชิว" แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วงสีทอง

พ. ผมเคยได้ยินคำนี้มาเหมือนกันครับ เพราะว่า เมื่อย่างเข้าฤดูนี้แล้ว อากาศจะเริ่มหนาวลง ใบไม้ของต้นไม้ชนิดต่างๆ จะเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเหลือง ส้มหรือแดงเรื่อยๆ ทำให้ทั้งเมืองปักกิ่งครอบคลุมด้วยสีเหลือง สีทอง และสีแดง มีสีสันหลากหลาย สวยมากครับ

ล. ในฤดูนี้ชาวจีนออกไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศดี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15-25 องศา สบายมาก ไม่ว่าไปเที่ยวในชานเมืองหรือไปต่างถิ่นต่างมณฑล ก็จะรู้สึกสดชื่น และช่วงนี้มีผลไม้หลากหลายที่สุด เช่น องุ่น ลูกท้อ แตงโม สาลี่ ส้ม ลูกไหน กล้วย ไม่ว่าเดินทางถึงที่ไหน ก็สามารถซื้อผลไม้สดๆ หวานฉ่ำรับประทานได้สะดวก เพิ่มรสชาติการท่องเที่ยวอีกด้วย

พ. พูดแบบนี้ยิ่งอยากไปเที่ยวทันทีเลย วันนี้คุณจะพาผมและท่านผู้ฟังไปเที่ยวไหนครับ

ล.วันนี้ดิฉันจะพาคุณและท่านผู้ฟังไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนค่ะ

พ. หรือครับ แต่กำแพงเมืองจีนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนโดยทั่วไปรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วนี่ครับ ผมเองก็เคยไปมาหลายครั้งแล้ว แม้ว่าไม่ถึงขนาดเบื่อ แต่ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรแล้ว

ล. เข้าใจค่ะ เมื่อพูดถึงกำแพงเมืองจีน ทุกคนอาจจะรีบบอกว่า เคยไปแล้ว ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า แต่กำแพงเมืองจีนที่วันนี้ดิฉันจะพาไป ไม่ใช่กำแพงเมืองที่หลายคนเคยไปแล้ว วันนี้ ดิฉันจะพาคุณและท่านผู้ฟังไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนหลายแห่งรอบเมืองปักกิ่ง ยกเว้นกำแพงเมืองปาต๋าหลิ่ง ซึ่งเป็นกำแพงเมืองจีนช่วงที่มีชื่อเสียงทั่วโลก

พ. หรือครับ ผมก็พอทราบว่า ในชานเมืองปักกิ่งยังมีกำแพงเมืองจีนอีกหลายแห่งแต่ยังไม่เคยไปครับ

ล. แห่งแรกที่ดิฉันจะพาไป ภาษาจีนเรียกว่า "ส่วย ฉางเฉิง" แปลว่า กำแพงเมืองจีนในน้ำ

พ. กำแพงเมืองจีนในน้ำหรือครับ ทราบแต่ว่ากำแพงเมืองจีนสร้างอยู่บนสันเขา เพื่อกั้นศัตรู ไม่เคยได้ยินว่ากำแพงเมืองจีนใต้น้ำ เป็นกำแพงเมืองจีนเดียวกันหรือเปล่าครับ

ล. เป็นกำแพงเมืองจีนเดียวกันค่ะ สร้างขึ้นเมื่อสมัยจักรพรรดิไหย่งเล่อของราชวงศ์หมิง ประมาณปี1400 กำแพงเมืองจีนช่วง"ส่วย ฉางเฉิง" อยู่ในบริเวณภูเขาหวาง ฮวา เฉิง เขตหวยโหร ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร รายรอบด้วยภูเขาเขียวขจีและสายน้ำใส ที่หวยโหรมีกำแพงเมืองจีน 3 ช่วงทอดลงสู่น้ำ เลยตั้งชื่อว่า กำแพงเมืองจีนในน้ำ

พ.หมายถึงเป็นกำแพงเมืองจีนที่สร้างบนสันเขาเช่นกัน แต่ในช่วงภูเขาหวาง ฮวา เฉิง มี 3 แห่งอยู่ในน้ำ ส่วนอื่นยังอยู่บนภูเขา

ล. ใช่ค่ะ ในบริเวณภูเขาหวาง ฮวา เฉิงมีทะเลสาบแห่งหนึ่งชื่อว่า เฮ่าหมิงหู กำแพงเมืองจีนที่สร้างอยู่บนสันเขารอบทะเลสาบนี้ เมื่อยืนบนกำแพง จะเห็นภูเขาสีเขียวและทะเลสาบที่มีน้ำใสเหมือนกระจก และเมื่อยืนอยู่ริมทะเลสาบ จะเห็นเงาของกำแพงเมืองจีนสะท้อนจากผืนน้ำ สวยงามมาก ทะเลสาบแยกกำแพงเมืองจีนออกเป็นสองส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ ดูจากไกลเสมือนมังกรสองตัวกำลังเล่นน้ำ และช่วงที่อยู่ในน้ำนั้น ทำให้ผู้ชมสงสัยว่า มีเมืองโบราณอยู่ใต้น้ำหรือเปล่า ผู้ที่อยากชมกำแพงเมืองจีนใต้น้ำอย่างใกล้ๆ สามารถเช่าเรือเล็กที่บรรจทุกได้ 4-5 คน พายเรือหรือปั่นเอง และขึ้นกำแพงเมืองจีนจากทางน้ำหรือทางบกก็ได้ค่ะ

พ. นอกจากกำแพงเมืองจีนแล้ว ในบริเวณนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ สวนเกาลัดโบราณ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง มีประวัติศาสตร์กว่า 700 ปี ปัจจุบันยังมีต้นเกาลัดโบราณเหลืออยู่กว่า 40 ต้น แต่ละต้นมีรูปร่างที่แตกต่างกัน เวลาผ่านพ้นไปหลายร้อยปี แต่ก็ยังมีชีวิตชีวา ออกลูกเกาลัดได้ทุกปี ถือเป็นสวนเกาลัดโบราณที่หนึ่งของกรุงปักกิ่ง

ล. และในบริเวณนี้ ยังมีทางเดินโบราณ สะพานไม้โบราณ ก้อนหินรูปร่างแปลกประหลาด ถ้ำหินหางมังกร หุบเขาคลื่นน้ำ สระน้ำมังกรดำ เป็นต้น ต้องใช้เวลาเที่ยวหนึ่งวันเต็มๆ ค่ะ

พ. กำแพงเมืองจีนแห่งที่สองที่เราจะพาไปเที่ยวต่อคือ "เจี้ยนโค่ว ฉางเฉิง" แปลว่ากำแพงเมืองจีนคันธนู อยู่ในเขตหวยโหรเช่นกัน ห่างจากทางทิศเหนือของเมืองปักกิ่งประมาณ 73 กิโลเมตร เนื่องจากกำแพงเมืองจีนสร้างอยู่บนภูเขาที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด ทำให้ดูเป็นรูป "W" เหมือนคันธนู เลยได้ชื่อว่า กำแพงเมืองจีน คันธนู เป็นกำแพงเมืองจีนที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิง และเป็นช่วงที่ถ่ายภาพสวยและถูกพิมพ์ออกมามากที่สุด

ล. ดิฉันยังไม่เคยไป เพราะเพื่อนๆ ที่ไปแล้วบอกว่า สวย สง่า แต่หวาดเสียวมากๆ เพราะเป็นกำแพงเมืองจีนที่ไม่เคยบูรณะซ่อมแซม เป็นกำแพงเมืองโบราณแท้ๆ บางที่พังทะลายแล้ว ต้องอ้อมออกจากกำแพงเมือง ทำบันไดเอง แล้วไต่ขึ้นไปอีก และมีช่วงหนึ่งชื่อว่า "เทียนที" แปลว่า บันไดสวรรค์ หวาดเสียวที่สุด ระยะทางเพียง 70-80 เมตร มีความลาดเอียงถึง 70 องศา ช่วงที่แคบที่สุดไม่ถึง 60 เซนติเมตร บันไดบางขั้นกว้าง 15 เซนติเมตร สูง 40-50 เซนติเมตร ต้องอาศัยทั้งมือและเท้าไต่ขึ้น และต้องมีความกล้าหาญมากทีเดียวค่ะ

พ. และเมื่อเริ่มขึ้นบันไดจะหยุดไม่ได้และถอยหลังไม่ได้แล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวอื่นๆ ตามอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าลำบากอย่างไร กลัวจนตัวสั่นถึงขนาดไหน ต้องกัดฟันสู้ ขึ้นไปเรื่อยๆ ไต่ขึ้นสู่ยอดแล้ว การลงมาก็จะเจอปัญหาลำบากเช่นกัน เพราะมีช่วงหนึ่งพังทะลายหมด ถ้าไม่อยากอ้อมทางไกลๆ ก็ต้องลงจากทางเขาที่เอียง 70-80 องศา และเวลาลงต้องระมัดระวังมาก จับต้นไม้และก้อนหินให้แน่น

ล.ด้วยเหตุเหล่านี้ ดิฉันจึงคิดว่า ยังไม่ต้องรีบไป รู้สึกว่าไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน "เจี้ยนโค่ว ฉางเฉิง" เหมือนผจญภัย ไม่เสี่ยงดีกว่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจดิฉันให้ไปคือ ปลาเทราท์ (rainbow trout)ที่เลี้ยงอยู่ในฟาร์มปลาเทราท์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของจีน ตัวใหญ่ ราคาถูก ประมาณ 20-30 หยวนต่อกิโลกรัม กินดิบก็ได้ หรือนำไปตุ๋น ปิ้ง ย่าง ผัด นึ่ง หรือไม่ก็ทำซุปปลา อร่อยเหมือนกันค่ะ กินข้าวในบ้านชาวเขา ทั้งราคาถูก และสามารถชิมผักป่าภูเขาที่ในตัวเมืองไม่เคยเจอไม่เคยกิน ประกอบด้วยปลาที่เอร็ดอร่อย ก็หายเมื่อยได้ทันที

พ. แม้ว่าไปเที่ยว"เจี้ยนโค่ว ฉางเฉิง" ได้ตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล แต่หน้าหนาวจะหนาวมาก หิมะตกแล้วจะทำให้บันไดลื่น ไต่ลำบากและอันตราย ช่วงที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และอย่าไปคนเดียว ต้องมีเพื่อนหลายคนไปด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือกัน และจะได้ไม่หลงทางด้วย

ล.จาก"เจี้ยนโค่ว ฉางเฉิง" ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็คือกำแพงเมืองจีนช่วง มู่เถียนยวี่ หรือเรียกว่า "มู่เถียนยวี่ ฉางเฉิง" ปัจจุบัน เปิด 2,250 เมตร ที่จุดปลายทางทั้งสองข้างมีป้อมเชิงเทิน รวมลักษณะที่เด่นที่สุดของกำแพงเมืองจีน สร้างอยู่บนสันเขาที่ครอบคลุมต้นไม้ถึง 96% ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้นานาพันธุ์บนภูเขาบานสะพรั่ง ในฤดูร้อนทั้งภูเขาเป็นสีเขียวขจี ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีทองสีแดง และมีผลไม้นานาชนิดเต็มไปหมด ส่วนถึงหน้าหนาว หิมะตกคลุมภูเขา ทั้งกำแพงเมืองจีนดูเหมือนมังกรเงิน กล่าวได้ว่า ไม่ว่าไปเที่ยวในฤดูไหน ก็จะชมทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามได้

พ. เท่าที่ทราบ เมื่อก่อน มู่เถียนยวี่เคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในเขตภูเขา ด้านตะวันตกติดกับด่านจุยโยงกวัน ด้านตะวันออกติดกับด่านกู่เป่ยโข่ว สร้างขึ้นเมื่อสมัยราชวงศ์หมิง ตั้งแต่สมัยโบราณก็เป็นด่านป้องกันทางการทหารที่สำคัญ และเป็นกำแพงป้องกันเขตสุสานราชวงศ์หมิง ที่นี่เคยเกิดสงครามหลายครั้ง ปัจจุบัน ถือเป็นกำแพงเมืองจีนที่รักษาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง

ล. "มู่เถียนยวี่ ฉางเฉิง" เป็นกำแพงเมืองจีนที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลต่ำที่สุด เพียง 486 เมตรเท่านั้น แต่ไปทางทิศตะวันออกอีกประมาณ 500 เมตร ก็สูงขึ้นอีก 117 เมตร ไปทางทิศตะวันตกผ่านป้อมเชิงเทินประมาณ 10 แห่ง สูงขึ้นอีก 533 เมตร คือเริ่มจาก 486 เมตรแต่ปีกทั้งสองข้างยกสูงขึ้นถึง 1,039 เมตร แต่นักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัวว่า จะขึ้นไม่ไหว เพราะที่นี้มีกระเช้าชั้นหนึ่งของจีน นั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขา ชมวิว ถ่ายรูปแล้ว นั่งกระเช้าลงมา สบายมาก ริมสองข้างทางเดินเข้ากำแพงเมืองจีน มีร้านขายของที่ระลึกเรียงราย ขายพวกศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ภาพวาด ไม้แกะสลัก เสื้อผ้า รองเท้าและหมวก และยังมีผลไม้ ขนม อาหารว่างอีกมากมายหลายอย่าง

พ. อาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ คือปลาเทราท์เช่นกัน ปลาพันธุ์นี้ต้องอยู่ในน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากภูเขาตลอดทั้งปี แหล่งกำเนิดอยู่ในรัฐแคริฟอเนียของสหรัฐฯ เขตภูเขาในหวยโหรเหมาะสำหรับการเลี้ยงปลาเทราท์ที่สุด ผู้ที่ไปเที่ยวต้องสั่งปลา หมูพะโล้ตุ๋นเกาลัด ผักภูเขา เห็ดตุ๋นไก่บ้าน รับรองว่า เป็นอาหารธรรมชาติล้วนๆ

ล.นอกจากอาหารที่อเร็ดอร่อย การอยู่อาศัยก็สะดวกมาก มีโรงแรม และบ้านชาวเขาที่ได้รับใบอนุญาตรับแขก กลางวันไปไต่เขา ตกปลา กลางคืนมีงานรอบกองไฟ ร้องคาราโอเกะ จุดพลุ เล่นไพ่กกระจอก จะได้ผ่อนคลายความเครียด บ้านชาวเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่ราคาถูก ไม่ถึง 100 หยวนต่อคืน ในห้องพักมีโทรทัศน์ ห้องน้ำในตัว และน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ขี้เกียจไต่เขา การพักผ่อนอยู่ในบ้านชาวเขาเป็นทางเลือกที่ไม่เลว อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สูดอากาศสดชื่น รับประทานอาหารสะอาดประศจากสารพิษ 3 มื้อ เป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอนค่ะ

พ.ต่อไปเราไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนช่วงไหนครับ

ล. จินซานหลิ่ง ฉางเฉิง หรือกำแพงเมืองจีนช่วงจินซานหลิ่ง ค่ะ

พ. ครับ จินซานหลิ่ง ฉางเฉิงไม่ได้อยู่ในเขตหวยโหร แต่อยู่บนเทือกเขายันซาน ระหว่างเขตมี่หยุนของกรุงปักกิ่งกับอำเภอหลวนผิงของมณฑลเหอเป่ย ซึ่งเป็นจุดรวมระหว่างกรุงปักกิ่ง นครเทียนจิน มณฑลเหลียวหนิงและเขตมองโกเลียใน เริ่มสร้างเมื่อปี 1368 สมัยราชวงศ์หมิง ระยะทางยาว 10.5 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งประมาณ 140 กิโลเมตร มีป้อมธนูและป้อมเชิงเทิน 69 แห่ง ผ่านด่าน 5 แห่ง เป็นกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิงที่รักษาไว้อย่างดีที่สุด รวมลักษณะดีเด่นของกำแพงเมืองจีนไว้ทั้งหมดและได้รับการจัดเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

ล. กำแพงเมืองจีนช่วงจินซานหลิ่งมีบทบาทป้องกันทางการทหารอย่างมาก มีกำแพงกั้น ป้อมเชิงเทิน ป้อมปืนใหญ่ ป้อมสังเกตุการณ์ ช่องยิงธนู กำแพงกันม้า นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าที่ยาว 800 เมตรขึ้นสู่ยอดกำแพง ทั้งประหยัดแรงและชมวิวภูเขาที่สวยงาม มีชาวนาในท้องถิ่นบอกว่า นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวจินซานหลิ่ง ฉางเฉิง ชาวต่างชาติมากกว่าชาวจีน ถือเป็นกำแพงเมืองจีนที่ชาวต่างชาตินิยมไปมากที่สุด

พ. ครับ เพราะจินซานหลิ่ง ฉางเฉิงมีความได้เปรียบหลายประการ เช่น เป็นกำแพงเมืองจีนที่ไม่ได้บูรณะซ่อมแซม ยังรักษาโฉมหน้าเดิมของเมื่อ 400 ปีก่อน เป็นกำแพงเมืองจีนที่ปลอดภัย ทางเดินค่อยข้างราบเรียบ ไม่ชันมาก อีกทั้งยังมีไกด์ท้องถิ่นให้บริการอย่างดี เป็นเพื่อนกับนักท่องเที่ยวตลอดทาง ถึงช่วงที่เดินทางลำบาก ไกด์จะจูงมือคอยระมัดระวังให้ ลดความเสี่ยงและเพิ่มความสนุกสนาน เมื่อเที่ยวเสร็จควรให้ทิปประมาณ 50 หยวนแก่ไกด์ หรือซื้ออัลบั้มภาพกำแพงเมืองจีนจากเขา ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจเขา

ล. กำแพงเมืองจีนช่วงจินซานหลิ่งยังมีลักษณะอีกประการหนึ่งคือ ไม่เดินย้อนหลัง เพราะเที่ยวกำแพงเมืองจีนช่วงอื่นๆ ที่เล่ามา ไม่ว่าเดินทางไปไกลเท่าไร ก็ต้องย้อนกลับมาออกจากประตูเข้า จึงจะทำให้เมื่อยล้า แต่กำแพงเมืองจีนแห่งนี้มีทางออกหลายแห่ง ไม่ต้องย้อนหลังก็ออกได้สบาย แต่ละปี จากเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เป็นช่วงที่น่าเที่ยวที่สุด โดยเฉพาะเช้าเย็น หมอกบางๆ คลุมภูเขาและกำแพงเมืองจีน หลังฝนตก ยังสามารถเห็นรุ้งกินน้ำได้บ่อยๆ สวยมาก

พ. จากกำแพงเมืองจีนช่วงจินซานหลิ่งไปทางตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็ถึง "ซือหม่าไถ ฉางเฉิง" หรือกำแพงเมืองจีนช่วง ซีอหม่าไถ ซึ่งมีลักษณะแปลก หวาดเสียว และชัน อ่างเก็บน้ำซือหม่าไถแยกกำแพงเมืองจีนช่วงนี้ให้เป็น 2 ส่วน โดยส่วนตะวันออกมีป้อม 16 แห่งและส่วนตะวันตกมี 18 ป้อม ป้อมเหล่านี้มีโครงสร้างและรูปแบบแตกต่างกัน ระยะห่างโดยเฉลี่ยแล้วเพียงประมาณ 140 เมตรเท่านั้น ป้อมในยอดกำแพงส่วนตะวันออก 2 แห่งมีชื่อเสียงมากที่สุด คือป้อมนางฟ้ากับป้อมมองกรุง สร้างอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 1,000 เมตร วิวสวยมาก และสามารถมองเห็นกรุงปักกิ่งได้ด้วย

ล. ระยะทางที่เปิดให้ชมของ "ซือหม่าไถ ฉางเฉิง" มี 5,400 เมตร มีทั้งกำแพงเมืองธรรมดา และมีกำแพงเมืองด้านเดียวที่สร้างตามหน้าผา มีทั้งทางม้าที่ไม่ชัน และมีบันไดขึ้นสวรรค์ที่ชันมากๆ ป้อมมีหลายรูปแบบ เช่นแบบสองชั้น สามชั้น รูปทรงกลม รูปสี่เหลี่ยม ช่องยิงธนูมีทั้งแบบ 2 ช่อง 3 ช่อง 4 ช่อง 6 ช่อง และ 24 ช่อง ผู้เชี่ยวชาญชมว่า กำแพงเมืองจีนเป็นสุดยอดของสถาบปัตยกรรมจีน ช่วงซือหม่าไถถือเป็นสุดยอดของกำแพงเมืองจีน บันไดสวรรค์ของที่นี้คงเป็นบันไดที่ชันที่สุดของกำแพงเมืองจีน สูงถึง 100 เมตร เอียง 85 องศา เกือบตรงดิ่ง บันไดแต่ละขั้นกว้างประมาณหนึ่งเท้า ไม่มีราวจับ สองข้างบันไดเป็นเหวลึก 900 เมตร ต้องไต่ด้วยทั้งมือและฝ่าเท้า น่ากลัวมาก

พ. ถ้าอยากไปเที่ยวจริง เท่าที่ทราบ ช่วงเดือนมิถุนายนของแต่ละปี จะจัดเทศกาลร่อนนานาชาติ สิงหาคมจัดเทศกาลวัฒธรรม และกันยายนจัดการแข่งขันไต่กำแพงเมืองจีน และเหมือนกับที่อื่นๆ ที่นี่มีอาหารโอชารสมากมายหลายอย่าง เช่น

ปลา อาหารชาวเขา ไก่บ้านตุ๋นเกาลัด และผักป่า ท่านผู้ฟังครับ ถ้ามีโอกาส เชิญไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนที่เราแนะนำมาในรายการวันนี้ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่ๆ สวัสดีครับ

ล. สวัสดีค่ะ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040