เช้าตรู่วันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้นำสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป โดยระบุว่า ภาคเอกชนจะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซร้อยละ 50 ขณะเดียวกัน จะขยายกองทุนความช่วยเหลือแห่งยุโรปจาก 400,000 ล้านยูโร เป็น 1,000,000 ล้านยูโร ถึงแม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวยังต้องมีการปรับปรุงอีก แต่ตลาดโดยทั่วไปก็ยินดีกับการที่สหภาพยุโรปมีความคืบหน้าสำคัญในการรับมือวิกฤติ หลังประกาศข้อตกลงฉบับนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 12,000 จุด
วันเดียวกัน นายนิโคลาส์ ซาร์โคซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ว่า การที่เขตเงินยูโรบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติหนี้สินนั้นเป็นการหลีกเลี่ยงจากภัยพิบัติ นายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซระบุว่า วันเดียวกัน ผู้นำเขตเงินยูโรได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติหนี้สิน ซึ่งยืดเวลาให้กรีซดำเนินการปฏิรูปเพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากวิกฤติหนี้สิน ส่วนนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยินดีกับการที่สหภาพยุโรปทำข้อตกลงที่สำคัญเพื่อรับมือวิกฤติของเขตเงินยูโร ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญของการแก้ไขวิกฤติหนี้ของยุโรปอย่างรอบด้าน
นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯประกาศในวันเดียวกันก็น่ายินดีเช่นกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยว่า ด้วยการกระตุ้นจากรายจ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางพาณิชย์เพิ่มขึ้น มูลค่าการผลิตภายในประเทศของสหรัฐฯในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ซึ่งเติบโตขึ้นเร็วที่สุดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และสอดคล้องกับการคาดการณ์ในเบื้องต้น อีกทั้งบรรเทาความวิตกกังวลของตลาดที่เป็นห่วงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยเป็นครั้งที่ 2
(Ton/Zhou)