การประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 3 และวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมานี้ตามลำดับ
สภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน เป็นองค์กรระดับชาติที่เกิดจากกลุ่มความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่สำคัญในการพัฒนาระบอบการปกครองประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมรูปแบบหนึ่ง ภาระหน้าที่ที่สำคัญของสภาปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีนมี 3 ด้านคือ เป็นที่ปรึกษาทางการเมือง ควบคุมดูแลตามหลักการประชาธิปไตย และเข้าร่วมในกิจกรรมด้านการเมือง ในขอบข่ายของพรรคการเมือง สมาคมและชนกลุ่มน้อยต่างๆ
ส่วนการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 5 ของสมัยที่ 11 โดยในแต่ละสมัยจะมีวาระ 5 ปี สำหรับสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ได้รับเลือกเข้ามาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี2008 มีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 3,000 คน ประธานคณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 คือ นายอู่ ปังกั๋ว
หน้าที่สำคัญของสภาประชาชนแห่งชาติจีนคือ การใช้อำนาจนิติบัญญัติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายต่าง ๆ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้นำองค์กรทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตุลาการ กำกับดูแลการบริหารราชการของรัฐบาล ศาลประชาชนสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน
เนื่องในโอกาสจัดการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปีที่กรุงปักกิ่ง หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้าได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นที่ชาวบ้านสนใจทางอินเตอร์เน็ต เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้เสนอให้ผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ให้นำไปพิจารณาหาหนทางแก้ไขปัญหาต่อไป ผลปรากฎว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 81.1 % แสดงความเห็นว่า ขณะนี้ ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมากเกินไป 76% เห็นว่า รายได้ขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดไว้นั้นน้อยเกินไป ต่อคำถามที่ว่า คุณเห็นว่าต้องใช้วิธีการอย่างไรจึงสามารถลดช่องว่างรายได้ได้นั้น 21.6% แสดวความเห็นว่า รัฐบาลต้องกระจายรายได้ให้ประชาชนมากขึ้น 20.9% เห็นว่า ต้องเร่งปราบปรามพฤติกรรมทุจริตคอรัปชัน 20% เห็นว่า ต้องเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูงมากขึ้น 61.9% เห็นว่า ข้าราชการได้เงินเดือนสูงอยู่แล้ว จึงไม่ควรเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาอีก
ประชาชนที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่า พนักงาน และผู้ใช้แรงงานมีรายได้ต่ำเกินไป สาขาอาชีพต่างๆ จ่ายค่าจ้างให้ผู้ใช้แรงงานต่างกันค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างมาก แต่บริษัทต่างๆ เพิ่มค่าจ้างให้ลูกจ้างเพียงนิดเดียวเท่านั้น