วันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในกรุงปักกิ่งกว่า 1 ล้าน 2 แสนคนเริ่มปิดภาคฤดูร้อนเป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง ขณะนี้ เวลาผ่านไปแล้ว 1 เดือน บรรดานักเรียนจีนได้ทำอะไรกันบ้างในช่วงปิดเทอม
ก่อนปิดเทอม โรงเรียนต่างๆ จะสั่งการบ้านให้นักเรียนทำในช่วงปิดเทอม มากน้อยแต่ละโรงเรียนจะไม่เหมือนกัน ทางโรงเรียนบอกว่า ความจริงการให้นักเรียนทำการบ้านในช่วงปิดเทมอก็เพราะหากปล่อยให้ไม่อ่านหนังสือ ไม่เขียนหนังสือและไม่ใช้สมองตลอดช่วงหยุดพัก ถึงเวลาเปิดเทอมก็จะปรับตัวไม่ทันกับการเรียน
แต่สำหรับนักเรียนทั่วไป การไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำการบ้าน คงเป็นแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น เพราะผู้ปกครองได้จ่ายเงินจองโรงเรียนติวไว้ให้ตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแล้ว บางคนต้องเรียนวันละหลายวิชาด้วย นอกจากวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องแข่งกันอยู่แล้ว ยังต้องเสริมด้วยว่ายน้ำ บาสเก็ตบอลล์ หรือฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ด้วย ทำให้ช่วงปิดภาคฤดูร้อนของเด็กจีน บางทีอาจยิ่งเหนื่อยกว่าช่วงเปิดเทอมเสียอีก
เรามาดูว่านักเรียนทำการบ้านอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ซินจิงเป้าได้ทำการสำรวจการบ้านของนักเรียนในช่วงปิดเทอมปรากฏว่า การบ้านที่นับว่าง่ายและน้อยที่สุดสำหรับนักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 คือ เรียงความ 1 บท ให้เขียนเรื่องที่ประทับใจที่สุดในช่วงปิดเทอม นอกจากนี้ ให้ลอกศัพท์ที่เรียนมาวันละไม่เกิน 10 ตัว ตัวละ 1 บรรทัด ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ให้ฝึกคิดเลขในใจวันละ 1 หน้ากระดาษ
แต่ผู้ปกครองคงจะไม่ยอมให้ลูกทำการบ้านเพียงแค่นี้ แล้วมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรือจ้องอยู่กับจอทีวีทั้งวัน แต่เนื่องจากนักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการสอบเข้าเรียนมัธยม ผู้ปกครองจึงมักจะส่งลูกไปเข้าคอร์สฝึกทักษะด้านต่างๆ เช่น เล่นหมากล้อม ว่ายน้ำ ฝึกเครื่องดนตรี เต้นระบำ เตะฟุตบอลหรือฝึกเทควันโดอะไรทำนองนี้ เป็นเวลา 10 กว่าวัน แล้วจะพาลูกไปเที่ยวต่างมณฑลบ้าง ต่างประเทศบ้างหรือส่งลูกไปพักที่บ้านปู่ย่าตายายสักพักหนึ่ง เพื่อให้เด็กผ่อนคลาย
แล้วก็ยังมีการบ้านที่ค่อนข้างโหด เช่น ฝึกเขียนหนังสือตามพินอินทุกวัน อ่่านบทความตามที่ครูสั่งไว้วันละบทถึงสองบท เป็นนเวลา 15 วัน คิดเลขวันละ 20 ข้อ และลอกข้อสอบที่ทำผิดตอนสอบปลายเทอม 3 รอบ