เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่เด็กจีนน่าจะมีความสุขสนุกสนานมากที่สุด เพราะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนยาวกว่า 1 เดือนที่จะได้พักผ่อนยาวหลังจากผ่านการเรียนอย่างหนักมาเกือบ 4 เดือน แต่สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองแล้วอาจจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าลูกๆ เท่าไรนัก เนื่องจากต้องทำงานจึงไม่มีเวลาดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง โรงเรียนกวดวิชาต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเสริมสร้างทักษะที่มีอยู่หลากหลาย จึงนำเสนอโปรแกรมช่วงปิดเทอมมากมายให้เด็กๆได้เลือกกันตามใจชอบ มาดูกันว่า กิจกรรมปิดเทอมหน้าร้อนของจีนจะแตกต่างกับไทยอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กัน
บรรยากาศการฝึกซ้อมกังฟูของเหล่าบรรดาจอมยุทธน้อย
หากพูดถึงวิชากังฟูแล้ว รับรองว่าเด็กทุกคนต้องตาโตและฝันอยากจะเป็นเจ้ายุทธจักรกังฟูเหมือนเฉินหลง หรือเจ็ท ลีเป็นแน่แท้ ดังนั้นโรงเรียนสอนวิชาป้องกันตัวที่มณฑลหูเป่ย จึงจัดเปิดค่ายฤดูร้อนสอนวิชากังฟูสำหรับเด็กเล็กแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งได้รับความนิยมชมชอบจากพ่อแม่มาก เพราะว่าไม่ต้องทิ้งลูกๆ ไว้อยู่บ้านเพียงลำพังและยังมีคนช่วยดูแล อีกทั้งเด็กๆ ยังได้ออกกำลังกาย ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีเพื่อนมากมายอีกด้วย สิ่งสำคัญคือ เข้าใจถึงศาสตร์เบื้องต้นของวิชาการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวไม่ใช่กลั่นแกล้งผู้อ่อนแอกว่า
เด็กๆ กำลังฝึกเดินสวนสนามในค่ายฝึกทหารสำหรับเด็ก
สำหรับค่ายปิดเทอมฤดูร้อนที่เมืองจิ้นจง มณฑลซานซีนั้น ได้เปิดโปรแกรมที่น่าสนใจและแตกต่างไปจากค่ายอื่นๆ โดยจัดคล้ายกับการฝึกทหารแต่เป็นการฝึกสำหรับเด็กๆ และมุ่งเน้นไปที่ความมีระเบียบ วินัย ความอดทน ซึ่งได้รับความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองได้ส่งลูกหลานมาเข้าค่ายนี้จำนวนมาก รวมทั้งเด็กๆ ต้องใส่เครื่องแบบทหารปลดแอกประชาชนย้อนยุค ถือเป็นการสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้กับเด็กๆ มาก
กิจกรรมฝึกซ้อมขี่มอเตอร์ไซค์วิบากที่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด
กิจกรรมต่อไป เป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองควรไตร่ตรองและใช้วิจารณญาณอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเด็กๆ ที่ร่วมกิจกรรมนี้ต้องเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้และชื่นชอบอย่างจริงจัง กิจกรรมที่กล่าวนี้คือ ค่ายฝึกซ้อมขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่เมืองหวยเป่ย มณฑลอันฮุย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10 ปีขึ้นไป โดยเด็กทุกคนต้องได้รับการอบรมด้านความปลอดภัยในการขี่มอเตอร์ไซด์วิบากและต้องใส่ชุดอุปกรณ์ป้องกันอย่างครบครัน นอกจากนี้ การฝึกซ้อมจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลและรับผิดชอบของผู้เชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ผู้จัดค่ายนี้เน้นย้ำ
กิจกรรมฝึกทำอาหาร และค่าย "ฉันจะเป็นเกษตรกร"
สำหรับเด็กบางคนอาจจะไม่ชอบกิจกรรมประเภทออกกำลังกายหรือผาดโผนเท่าไรนัก อาจจะชอบเรียนรู้สิ่งใหม่อื่นๆ เช่น การเกษตร การทำอาหาร เป็นต้น ซึ่งก็มีค่ายปิดเทอมฤดูร้อนจัดค่ายฉันจะเป็นเกษตรกรขึ้นที่เมืองซัวเถา มณฑลกว่างตง ซึ่งได้รับความสนใจมากจากเด็กๆ เพราะเป็นการไปอาศัยอยู่กับเจ้าของกิจการด้านการเกษตรโดยตรง เริ่มตั้งแต่การเปิดห้องเรียนใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งแตกต่างไปจากห้องเรียนที่โรงเรียน เจ้าของฟาร์มจะเล่าเรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับความสำคัญของอาชีพเกษตรกร และภาระหน้าที่หลักต้องทำในฟาร์มมีอะไรบ้าง ท้ายที่สุด เด็กต้องลงมือทำเอง ไม่ว่าจะเป็นกำจัดวัชพืช เก็บเกี่ยวผลผลิตต่างๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่มียิ่งใหญ่และมีคุณค่ามากทั้งผู้ให้หรือครูที่เป็นเกษตรกรตัวจริง รวมถึงผู้รับที่เป็นเกษตกรตัวน้อยๆ ซึ่งทุกคนพร้อมจะเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกร มีเด็กหลายคนบอกว่า หากกลับบ้านไป สิ่งแรกที่ตั้งใจคือ ต้องกินข้าวให้หมดจานและรู้คุณค่าของผักผลไม้ทุกชนิด โดยจะไม่เลือกกินและไม่กินทิ้งกินขว้างอย่างที่ผ่านมา
การปิดเรียนฤดูร้อนนั้นไม่ได้มีแค่เด็กในเมืองเพียงกลุ่มเดียว เพราะสิ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงกิจกรรมหรือทางเลือกให้กับเด็กในเมืองใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครองมีรายได้พอจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ แต่ยังมีเด็กๆ ตามท้องที่ชนบทอีกจำนวนมากที่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนเหมือนกัน พวกเขาจะมีกิจกรรมที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร โปรดติดตามปักกิ่งเพลินเพลินในสัปดาห์หน้า
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์