นายหู จิ่นเทา เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวในรายงานการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ว่า จีนจะวางแผนให้ความร่วมมือระหว่างจีนกับต่างประเทศในรูปแบบและระดับต่างๆ เช่น ความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี ระดับภูมิภาค และระดับอนุภูมิภาคมีการประสานงานกัน เร่งดำเนินยุทธศาสตร์พัฒนาเขตการค้าเสรีระหว่างจีนกับประเทศรอบข้าง และขับเคลื่อนการเชื่อมโยงในด้านต่างๆ ระหว่างจีนกับประเทศรอบข้าง ผู้แทนจากมณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีที่เข้าร่วมสมัชชาครั้งที่ 18 เห็นว่า มณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซี จะมีบทบาทมากขึ้นในความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน โดยนายฉิน กวางหรง ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน ผู้แทนสมัชชาครั้งที่ 18 ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ความร่วมมือระหว่างมณฑลยูนนานกับประเทศรอบข้างของจีนพัฒนาสู่ระดับลึกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มณฑลยูนนานมีการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับ 5 ประเทศในอาเซียน เช่น เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทยในขอบเขตที่กว้างและมีระดับลึกซึ้ง 40% ของยอดการนำเข้าส่งออกของมณฑลยูนนานมากจากการค้ากับประเทศเอเชียอาคเนย์ นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนด้านบุคลากร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา และวัฒนธรรมระหว่างมณฑลยูนนานกับประเทศอาเซียนก็กำลังดำเนินไปด้วยดี
ในช่วงดำเนินแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีฉบับที่11 ยอดการนำเข้าส่งออกระหว่างมณฑลยูนนานกับประเทศอาเซียนมีมูลค่า 7,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.8 เท่า เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน อัตราเติบโตทางการค้าเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 51.9% ด้านการนำเข้าส่งออกตามเขตชายแดนมีมูลค่า 5,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.6 เท่า อัตราเติบโตทางการค้าเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 21.6%
ความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนได้สร้างโอกาสแห่งการพัฒนาให้แก่เขตปกครองตนเองกว่างซี ซึ่งมีดินแดนติดกับประเทศอาเซียนเช่นกัน การพัฒนาเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนในระดับลึกนั้นได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของเขตปกครองตนเองกว่างซี เมื่อไม่นานมานี้ หลายเมือง เช่น หนานหนิง เป๋ยไห่ ชิงโจว และฝางเฉิงก่างได้ร่วมกันจัดตั้งเขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้ ทำให้เขตกว่างซีมีบทบาทเด่นชัดขึ้นในการเป็นสะพานเชื่อมจีนกับอาเซียน และยังทำให้เมืองเหล่านี้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นด้วย นายจาง เสี่ยวชิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เมืองชินโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จากการเข้าร่วมเขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้ และดำเนินความร่วมมือกับประเทศอาเซียน ปัจจุบัน เมืองชินโจวมีเวทีแห่งความร่วมมือกับประเทศอาเซียนมากขึ้น มีช่องทางออกสู่ทะเลที่สะดวกยิ่งขึ้น มีโครงสร้างอุตสาหกรรมที่สมเหตุสมผลมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาระหว่างเมืองกับชนบทมีการประสานกันมากขึ้น และประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น (TON/cai)