วันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 7 จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ผู้แทน 10 ประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 8 ประเทศ ตลอดจนผู้แทนธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้อภิปรายเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น ความร่วมมือเอเชียตะวันออก การติดต่อและการเชื่อมซึ่งกันและกัน การพัฒนาในอนาคตของกลไกประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ซึ่งนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเน้นว่า ปัจจุบัน ประชาคมโลกรู้สึกวิตกกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นฟูของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และปัจจัยไม่แน่นอนและไม่มั่นคงเพิ่มขึ้นโดยทั่วไป สมาชิกการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกควรรับมือกับความสนใจของประชาคมโลก สร้างความเชื่อมั่นและความหวังให้แก่โลก

การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกจัดตั้งขึ้นตามคำเสนอของนายนายมหาธีร์ บิน มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อปี 2000 ซึ่งในเดือนธันวาคมปี 2005 การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตั้งแต่จัดตั้งกลไกดังกล่าวนี้เป็นต้นมา ได้ยืนหยัดในหลักการเปิดเผย และโปร่งใส สร้างคุณูปการทางบวกเพื่อผลักดันกระบวนการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของเอเชียตะวันออก การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกมีประเทศเข้าร่วม 18 ประเทศ โดย 16 ประเทศที่เข้าร่วมในช่วงแรกคือ 10 ประเทศอาเซียนและจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ต่อมาเมื่อปี 2011 รัสเซีย และสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกอย่างเป็นทางการ สำหรับล่าสุดนี้นับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกด้วยตนเอง

แม้ว่าสภาพโดยทั่วไปของประเทศสมาชิกต่างๆ ของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกมีความแตกต่างกันก็ตาม แต่การพัฒนากับความร่วมมือเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายต่างให้ความสนใจตลอด นายเวิน เจียเป่าระบุว่า เขตเอเชียแปซิฟิคมีความหลากหลาย ประเทศต่างๆ อาจจะมีข้อขัดแย้งและปัญหาบ้าง แต่ควรเชื่อมั่นว่าประเทศที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการอย่างเหมาะสมได้ด้วยการเจรจา นายเวิน เจียเป่ายังเน้นว่า ประเทศจีนริเริ่มการเคารพและเข้าใจซึ่งกัน ไว้วางใจแก่กันและเป็นมิตรกัน ยินดีแสดงบทบาทเพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาของเอเชียตะวันออก

(Ton/zheng)