เราควรรักตัวเอง การใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นระเบียบ ขาดน้ำ ขาดสารโภชนาการ รับประทานอาหารไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ใกล้ชิดกับสารเคมี มีแรงกดดันมาก และขาดการได้รับแสงแดดอื่นๆ ล้วนจะเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการขจัดสารพิษและเซลล์ที่ตายแล้วประมาณ 30,000 ล้านเซลล์ต่อวัน ซึ่ง 10% เป็นการกำจัดเซลล์มะเร็งออกจากร่างกาย เมื่อสารพิษและเซลล์ที่ตายแล้วตกค้างในร่างกายมากขึ้น ก็จะเกิดอาการไม่สบายขึ้น เช่น การแพ้ บวม อักเสบ เป็นแผลและมีเซลล์ไม่ดีเกิดขึ้น รวมถึงเซลล์มะเร็ง ดังนั้น การผ่าตัดฉายรังสีหรือฉีดยาเคมีบำบัด เพียงแค่ขจัดเนื้องอกเท่านั้น แต่ไม่สามารถขจัดเซลล์มะเร็งหรือสารพิษที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งได้

เราควรรักตัวเอง

การไม่ใส่แว่นตากันแดดและไม่ทาครีมกันแดด และตากแดดบ่อยๆ เป็นวิธีการป้องกันและรักษามะเร็งที่ดีที่สุด เพราะแสงอัลตร้าไวโอเลตหรือ ยูวี เป็นยาธรรมชาติที่มีพลังที่สุด เพราะสามารถลดความดันโลหิต รักษาชีพจรให้เป็นปกติ ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มปริมาณของกลูโคสในตับ รักษาความสมดุลของน้ำตาลในเลือด ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงยิ่งขึ้น เสริมภูมิต้านทาน เสริมความสามารถการลำเลียงออกซิเจนของเลือด เสริมความอดทนต่อแรงกดดัน และลดความเสี่ยงการเป็นโรคซึมเศร้า แต่เมื่อเราใส่แว่นกันแดดและทาครีมกันแดด หรืออยู่ในห้องทั้งวันเพื่อหลบหนีแสงแดดแล้ว จะสกัดกั้นการนำยูวีเข้าสู่ร่างกาย จนทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ

การตากแดดเป็นวิธีการป้องกันมะเร็งที่ดี

นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงสาร 22 ชนิด เพราะมีสารก่อมะเร็งมาก ได้แก่ น้ำที่ฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน ฟลูออรีนในน้ำประปา รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเกิดขึ้นจากเครื่องไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงนาฬิกาปลุกด้วย อุปกรณ์ไร้สาย ยาฆ่าแมลงและสารพิษเคมีอื่นๆ ยาย้อมผมด้วย สารหนูและนิกเกิล น้ำมันเบนซินและฟอร์มาลดีไฮด์ อาหารที่เป็นพิษ สารเทฟลอน พีวีซี สารที่ทำให้เกิดความหวาน เช่น อัสปาร์เตม( AsPartame) แอลกอฮอล์ ฮอร์โมนเติบโตในนมวัว วิตามินเทียม เนื้อปิ้งเนื้อย่าง แว่นกันแดดและครีมกันแดด การสูบบุหรี่ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป การทำงานในเวลากลางคืน การถ่ายเลือด การถ่ายรังสีและการถ่ายเอ็กซเรย์เต้านม

ควรหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งมาก