แม้ว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากเห็นว่าความรักสำคัญกว่าขนมปัง แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย มีชาวเน็ตใช้ชื่อว่า "ขนมปังหรือความรัก"แสดงความเห็นว่า "ขนมปัง"เป็นสิ่งจำเป็นของการดำรงชีวิต แต่ "ความรัก" นี้เป็นคำขยายของชีวิต เมื่อคนใช้กำลังทั้งหมดไปยุ่งและเหนื่อยกับการดำรงชีวิตอยู่ จึงไม่มีแรงเหลือที่จะขยายชีวิตทางจิตใจอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับการเลือกระหว่าง "ขนมปังหรือความรัก" ผู้หญิงที่เลือกขนมปังก่อนไม่ควรถูกหาว่าสนใจแต่เรื่องเงิน เพราะว่าการกระทำที่ละทิ้งการดำรงชีวิต แสวงหาแต่น้ำเสียงทางจิตใจนั้นผิดเกณฑ์ทางธรรมชาติ การตั้งราคาเริ่มต้นของความรักนั้น กลับได้แสดงให้เห็นถึงการรับผิดชอบต่อชีวิตทั้งสองคน ความรักที่เริ่มต้นอย่างลวกๆ โดยไม่ได้พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบหากต้องจบลงด้วยเงื่อนไขทางวัตถุแล้วละก็ คนทั้งสองเท่ากับว่าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้รับอะไรเลย มีเนื้อเพลงดังท่อนหนึ่งเอ่ยว่า "ไม่สนใจว่าจะมีวันเวลาอยู่ด้วยกันยาวนานแค่ไหน ขอแต่ให้เคยได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น" แต่นี่ก็เป็นเพียงเนื้อเพลงเท่านั้น ถ้าอยู่ในชีวิตจริง ถ้าไม่สามารถอยู่ด้วยกันจริงๆ ก็อย่าเสียเวลาไปคบหากันน่าจะดีกว่า
บางคนอาจเห็นว่าใช้เงินมาประเมินความรัก จะเสียความรู้สึกต่อกันและยังลดคุณค่าของความรัก แต่ถ้าเราวิเคราะห์จากแรงกดดันของการดำรงชีวิตในปัจจุบันก็จะพบว่า ถ้าชีวิตคู่ไม่ได้มาตรฐานของราคาเริ่มต้นตามแต่ละเมือง ถึงแม้ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน แต่คงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางวัตถุไม่น้อย
มีรายงานพบว่า ถ้ารายได้ของสามีมากกว่า 1.5 เท่าของภรรยา จะทำให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น ถ้ารายได้ของสามีต่ำกว่าภรรยา ซึ่งรายได้นี้เป็นมาตรฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสามี ครอบครัวนี้อาจจะขาดความสมดุลกัน ทำให้ขาดความสุขไป
อุปนายกสมาคมจริยธรรมมณฑลเจียงซูสรุปว่า การทำสำรวจเรื่องมาตรฐานเกี่ยวกับความรักเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบัน วัยรุ่นจะถือผลสำรวจนี้เป็นมาตรฐานประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ควรถือเป็นข้อกำหนดเพียงหนึ่งเดียว มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตส่วนตัวตามปกติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคู่สามีกับภรรยา ไม่ว่ามีความพร้อมทางวัตถุมากเท่าไหร่ ก็สู้ความรักที่แท้จริงระหว่างกันไม่ได้ ขอแต่มีความรักต่อกัน รู้จักให้อภัยกันและกัน ดำเนินชีวิตคู่ด้วยกันอย่างจริงใจ ความสุขของการสมรสก็จะมีอยู่อย่างยาวนานตลอดไปแน่นอน
