ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2013 ถึงมีนาคมปี 2014 การลงทุนของจีนในเมียนมาร์โดยตรงลดน้อยลงอย่างมาก ในรอบปี 2013 ยอดการลงทุนของจีนในเมียนมาร์เป็นประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นแค่ 1 ใน 20 ของปี 2012 แต่ขณะเดียวกัน เมียนมาร์ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าปี 2013 จะเป็น 3 เท่าของปี 2012
ทั้งนี้ การที่จีนตกจากอันดับแรกของประเทศที่มาลงทุนในเมียนมาร์เป็นสิ่งที่แน่นอน เพราะในสมัยรัฐบาลทหาร ตลาดเมียนมาร์เป็นลักษณะปิด ประเทศตะวันตกไม่เพียงแต่ไม่ลงทุนเท่านั้น หากยังคว่ำบาตรเมียนมาร์ด้วย แต่เนื่องจากจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเมียนมาร์ จึงมีความได้เปรียบด้านการไปลงทุนในเมียนมาร์เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก แต่ปัจจุบัน ประเทศตะวันตกยกเลิกการคว่ำบาตรเมียนมาร์ ส่วนเมียนมาร์เองก็ใช้นโยบายเปิดกว้าง จึงดึงดูดการลงทุนจากประเทศต่างๆทั่วโลกทันที ซึ่งรัฐบาลเมียนมาร์เองก็หวังที่จะมองเห็นสภาพการลงทุนจากหลายฝ่ายได้
เมียนมาร์ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังไม่บุกเบิกด้านการลงทุนในโลก ภูมิภาคนี้มีตลาดที่เพิ่งเปิด มีประชากรที่มีการศึกษา มีผู้คนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้จำนวนมาก และมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ด้วย
หากวิสาหกิจจีนหวังจะได้โอกาสการค้าในเมียนมาร์มากยิ่งขึ้น ก็ควรเปลี่ยนแนวคิด และลงทุนในปริมณฑลที่เมียนมาร์ต้องการให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยแท้จริง ตลาดสารสนเทศ และสิ่งก่อสร้างขั้นพื้นฐานจึงกลายเป็นตลาดที่กว้างใหญ่
นอกจากพลังงานและแร่ธาตุ เมียนมาร์ยังต้องการทุนต่างชาติในการก่อสร้างทางหลวง ทางรถไฟ และสาธารณูปโภคอื่นๆ ทั้งนี้จีนจะมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด อนึ่ง จีนกับเมียนมาร์มีการติดต่อทางบุคลากรอย่างใกล้ชิด วิสาหกิจจีนต้องมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน ปรับแนวคิดเพื่อสอดคล้องกับแนวโน้มใหม่ และเข้าสู่ตลาดเมียนมาร์โดยใช้ท่าทีการแข่งขัน
Yim/Sun