ค่ำวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้จัดเวลาพิเศษนอกกำหนดการเยือน เพื่อพบปะกับนางมิเชลด้วย ก่อนจะเดินทางไปเยือนยุโรปและพบกับประธานาธิบดีโอบาม่าในอีกไม่กี่วันถัดจากนั้น
ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐมาเยือนจีนอย่างเป็นทางการ แต่นับเป็นครั้งที่ 3 ของนางโอบาม่า ในการเดินทางไปเยือนต่างประเทศตามลำพังโดยไม่ได้ติดตามคณะของสามี
การเยือนครั้งนี้ ทั่วโลกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นอีกก้าวของจีนที่ดำเนินนโยบายกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่าน "สุภาพสตรีหมายเลข 1" ซึ่งถือเป็นพลังการทูตที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ภริยาผู้นำทั้งสองมีประเด็นความสนใจและมีโครงการที่คล้ายคลึงกันเช่น ด้านสุขภาพ การศึกษา วัฒนธรรม และด้านเด็ก เป็นต้น อีกทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ดีขึ้น หลังจากในการเยือนสหรัฐปีที่แล้ว นางมิเชล ไม่ได้มีโอกาสพบผู้นำจีนและภริยาเนื่องจากติดภารกิจ
บทบาทของนาง เผิง ลี่หยวน ภริยาของผู้นำจีน อยู่ในความสนใจและถูกจับตามองจากทั่วโลก นับตั้งแต่ได้ร่วมเดินทางกับคณะของประธานาธิบดีสี ไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นครั้งแรกปีที่แล้ว เนื่องจากเคยเป็นอดีตนักร้องดัง มีชื่อเสียงของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน มีความสามารถด้านดนตรีและการขับร้อง คุ้นเคยกับการออกสื่อและปรากฎตัวต่อสาธารณะ ดังนั้น จึงเข้าร่วมกิจกรรมในการเยือนต่างประเทศกับคนในท้องถิ่นได้อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยบุคลิกภาพที่สง่างาม หน้าตา ความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ได้รับการยอมรับทั้งจากชาวจีนและนานาชาติได้มากขึ้น นับเป็นปรากฎการณ์โฉมหน้าใหม่ของจีนเช่นกัน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ไม่บ่อยครั้งนักที่ภริยาผู้นำจีนจะมีบทบาทหรือเปิดตัวต่อสาธารณะ
แม้ว่าในทางปฏิบัติ จีนกับสหรัฐจะยังคงมีข้อพิพาทและมีปัญหาระหว่างกันหลายเรื่อง อาทิ ข้อพิพาททางการค้า และการรุกขยายอิทธิพลของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุดคือการพบปะระหว่างประธานาธิบดีโอบาม่ากับดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ซึ่งได้รับการประท้วงและคัดค้านอย่างรุนแรงจากจีน แต่ในทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็ยังคงมีมิติของการกระชับไมตรีและสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้น รวมทั้งการทูตผ่านการเยือนของนางมิเชลในครั้งนี้ด้วย ในการพบปะครั้งล่าสุดของผู้นำทั้งสอง ประธานาธิบดีโอบาม่า ก็ยังคงให้ความมั่นใจกับผู้นำจีนว่าจะเคารพในนโยบายจีนเดียวต่อไป
นอกจากนี้ ในปีพ.ศ.2552 ที่ผู้นำสหรัฐเยือนกรุงปักกิ่ง ยังรับปากส่งเสริมทุนแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกันเพิ่มขึ้น ขณะนี้ นักศึกษาจีนในสหรัฐมีมากกว่า สองแสนคน ขณะที่จำนวนนักศึกษาอเมริกันในจีน มีกว่าสองหมื่นคนเท่านั้น เดือนพฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ ประธานาธิบดีโอบาม่าก็จะเข้าร่วมการประชุมกลุ่มผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย แปซิฟิค ที่กรุงปักกิ่งด้วย
ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม -1 เมษายน ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง และภริยา ได้นำคณะนักธุรกิจจีนกว่า 200 คน ไปเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ โดยเดินทางไป 4 ประเทศ ได้แก่ เนเธอแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน เบลเยี่ยม ซึ่งรวมทั้งการไปกล่าวปาฐกถาที่สำนักงานใหญ่องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก้ และไปเยือนสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรปหรืออียูด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เข้าร่วมการประชุม G 7 อีกทั้งการประชุมสุดยอดความปลอดภัยนิวเคลียร์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศ เนแลนด์และได้พบปะกับประธานาธิบดีโอบาม่า ของสหรัฐด้วย