คุณหลิง ซั่ว หรือชื่อไทยคุณรังสรรค์ แห่งสำนักข่าวซินหัว สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยลีดส์ อังกฤษ นอกจากทำงานที่สำนักข่าวทางการจีนแล้ว คุณรังสรรค์ยังสละเวลาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งอยู่เนือง ๆ
ย้อนอดีตตอนถูกเลือกให้เรียนภาษาไทย
เราไม่ได้สมัครเรียนอะไร แค่สมัครเข้ามหาวิทยาลัย พอเข้ามหาวิทยลัยมาได้แล้ว อาจารย์บอกว่าคุณเรียนภาษาไทย ตอนแรกก็งงอยู่ว่าเรียนภาษาไทยแล้ววันหลังจะไปทำอะไร แต่พออยู่ปีสาม ปีสี่ เราก็ค่อยรู้ว่า เราอาจจะไปอยู่กระทรวงการคต่างประเทศ อาจจะไปอยู่สำนักข่าวเป็นผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทยอย่างนี้ เราก็มีเป้าหมายชัดเจนขึ้น
สมัยนั้นกระทรวงใหญ่ ๆ จะมารับสมัครงานที่มหาวิทยาลัย เขาจะให้ทุกคนไปสอบ อย่างสำนักข่าวซินหัวที่ผมทำงานอยู่นี้ เขารับ ๑ คน คนสอบประมาณ ๑๐๐ คน เขาจัดสอบเป็นภาษาอังกฤษ เขารู้ว่านักศึกษาที่เรียนภาษานั้นไม่มีปัญหาภาษานั้น แต่เขาต้องการภาษาอังกฤษด้วยเขาจึงสอบเป็นภาษาอังกฤษโดยมีการวัดความรู้เกี่ยวกับข่าวด้วย
ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นหลัก
ในการทำงานทุกวันนี้ภาษาที่ผมใช้อยู่คือภาษาอังกฤษ นอกจากเวลาที่ผมไปประจำอยู่ที่ประเทศไทยเป็นเวลา ๔ ปี( ปี ๒๐๐๕ – ๒๐๐๙) นั้นผมใช้ภาษาไทย เพราะว่าเราไม่ได้เจาะจงให้อยู่เฉพาะในข่าวไทย อย่างผมอยู่ฝ่ายสากล ต้องดูข่าวต่างประเทศทุกด้าน ทุกคนก็เหมือนกันไม่ว่า คุณเรียนภาษาเปอร์เซีย ภาษาลาว ภาษาพม่า คุณต้องมีแนวโน้มที่ใหญ่ คุณต้องเปิดตาให้กว้างขึ้น ทุกวันนี้เราเขียนข่าวเราต้องเขียนเป็นภาษาจีนกับภาษาอังกฤษ เรา(สำนักข่าวซินหัว)ยังไม่มีช่องภาษาไทย แต่ช่วง ๔ ปีที่ผมไปประจำอยู่ที่ประเทศไทยได้ใช้ภาาาไทยเต็มที่ ตอนนั้นเรารู้ชัดเลยว่า ถ้าเรารู้ภาษาท้องถิ่น เวลาทำข่าวจะสะดวกมาก จะมีโอกาสที่คนอื่นไม่มี เวลาคุยกับคนที่เขาไม่รู้ภาษาอังกฤษ เราก็จะง่ายขึ้น แล้วตอนนั้นผมยังเรียนภาษาลาวเองด้วย แล้วไปทำข่าวที่ประเทศลาวกับพม่าด้วย การรู้ภาษาของเขาทำให้เราเจาะลึกได้
สื่อสารมวลชนไม่ค่อยนำเสนอข่าวดี
แม้ว่าการสื่อสารทันสมัย แต่ยังมีความเข้าใจผิดกันเยอะ ในสื่อสารมวลชนของเราทุกวันนี้ มีแต่ข่าวไม่ดี อย่างเราพูดถึงมิดเดิล อีสต์(ตะวันออกกกลาง) มีแต่สงครามมีแต่ระเบิด มีแต่ข่าวที่มันไม่ดี แต่จริง ๆ แล้วเพื่อนผมประจำอยู่ตรงนั้นก็บอกว่ามีความสวยงาม มีสิ่งดีดีอยู่มาก เขาก็มองในแง่ดี
ผมคิดว่าภาระของนักข่าวอีกด้านหนึ่งคือให้คนในประเทศเขารู้จักรู้จักประเทศที่เขาไปประจำได้ดียิ่งขึ้น ก็คือประเทศนั้นจริง ๆ เป็นอย่างไร เขามีสิ่งงดงามมหาศาล ผมยังไปนราธิวาส ยะลาหลาย ๆ ครั้ง ผมชอบภาคใต้ของไทย เพราะผมทราบว่าภาคใต้ไม่เพียงแต่มีการระเบิดทุกวัน แต่ยังมีประชาชนที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม มีประชาชนที่มีความกระตือรือร้นอย่างนี้ ก็เลยตั้งใจเขียนหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับประเทศไทย พูดถึงหลาย ๆ ด้านของประเทศไทย อย่างเช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมทุกอย่างให้คนจีนที่อยากจะไปเมืองไทยให้เขารู้จักประเทศไทยที่แท้เป็นอย่างไร
ประมาณ ๑๐ ปีก่อนผมเคยพานักข่าวไทยกลุ่มใหญ่ ๒๐ คนจากช่อง ๙ ช่อง ๑๑ และอื่น ๆ ไปทิเบต เพราะตอนนั้นยังไม่มีผู้สื่อข่าวไทยไปทิเบตถือเป็นคณะแรก ไปดูวิถีชีวิตที่ทิเบตจริง ๆ เป็นอย่างไร เพราะทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่เขาค่อนข้างปิดตัว แม้แต่คนจีนที่อยู่เมืองใหญ่ ๆ ยังไม่ค่อยรู้ลึกเกี่ยวกับทิเบต เวลาผู้สื่อข่าวไทยไปถึงทิเบตเขาจะรู้ว่าทิเบตเป็นอย่างไร ใช่อย่างที่สื่อถ่ายทอดไหม วิถีชีวิตของคนทิเบตเป็นอย่างไร พวกเขาต้องการอะไรอย่างนี้ ผมรู้สึกว่าเราไปที่นั่นด้วยตัวเราเองเราถึงจะรู้อย่างลึก
อยากให้ทุกคนมองโลกในแง่ดี
ผมอยากให้ทุกคนมองโลกในแง่ดี ผมเป็นนักข่าวมา ๑๐ กว่าปี ความรู้สึกของผมอย่างตอนที่ผมอยู่เมืองไทย สื่อของทั่วโลกทุกวันรายงานแต่ข่าวเสื้อเหลืองเสื้อแดง แล้วนักท่องเที่ยวก็ไม่กล้าไปไทย แต่ผมอยู่ที่นั่นผมรู้ว่าเหตุมันเกิดอยู่ที่ควรเกิด ไม่ได้กระจายอยู่ทั่วไป อย่างเช่นเราไปภูเก็ตไปสมุยไม่มีปัญหาเลย แต่ว่าสื่อเขาจะไม่พูดอย่างนี้ ผมอยากจะให้ทุกคนใช้ความคิดตัวเอง ใช้ตาตัวเอง หูตัวเอง ไปดูไปฟังแล้วถึงจะรู้จักที่นั่นอย่างแท้จริง ไม่ว่าประเทศไหนสื่อก็เหมือนกัน เขาเลือกแต่ข่าวที่เขาสนใจ แต่สำหรับทุกคนประสบการณ์มันอยู่ที่เห็นด้วยตาฟังด้วยหู
อาทิตย์ที่แล้วมีเพื่อนมาถาม เขาจะไปเที่ยวเมืองไทยให้ผมแนะนำเส้นทางให้ ผมบอกว่าเมืองไทยมีที่เที่ยวเยอะ ตอนนั้นมี ๗๖ จังหวัด ผมเคยไป ๗๕ จังหวัด แต่ตอนนี้มี ๗๗ จังหวัดแล้ว ผมแนะเขาว่าถ้าอยากผจญภัยไปแม่ฮ่องสอนมันสวยงามกว่าที่บริษัททัวร์แนะนำ เพราะบริษัททัวร์พาไปเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวฮิต ๆ อย่างภูเก็ต กรุงเทพฯ แต่ถ้าคุณอยากจะเงียบ ๆ อยากดูธรรมชาติ คุณไปแม่ฮ่องสอน ไปสามเหลี่ยมทองคำ ไปเชียงราย แล้วถ้าคุณสนใจประวัติศาสตร์คุณไปสุโขทัย อยุธยาก็จะสัมผัสกับประเทศพุทธศาสนา ผมอยากใช้วิธีพวกนี้รวมทั้งวิธีของสื่อ เขียนให้คนจีนรู้จักเมืองไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ชอบเมืองไทยมาก
ผมเป็นคนที่ไปที่นั่น(ประเทศไทย)ก็ชอบที่นั่นเลย ผมเคยไปหลายประเทศ ผมไปประเทศไทยก่อนไปประเทศอื่น ชอบประเทศไทยทุกอย่าง เพราะผมเข้าใจว่าบางทีเรามีปัญหาบางส่วน บางอย่าง แต่ว่าทุกประเทศจะมีปัญหาของเขาเอง เราต้องมองในแง่ดี เวลาผมไปประเทศลาว ประเทศลาวด้อยพัฒนา ของก็แพง แต่ว่าเขาก็มีธรรมชาติสวยงาม คนที่นั่นก็อยู่เย็นเป็นสุข เขามีความสนุกกว่าคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างคนที่อยู่เมืองใหญ่ ๆ สมัยนี้ จะมีความดัน ความเครียด เครียดมาก เหนื่อยทุกวัน ไม่มีเวลาส่วนตัว เพื่อนผมอยู่ปักกิ่ง ทำงานทุกวัน ทุกวันต้องใช้ ๓ ชั่วโมงอยู่ในรถไฟใต้ดิน ไม่มีความสุขเลย ชีวิตของเขาต้องเปลืองอยู่ในรถไฟใต้ดินกี่ชั่วโมง ผมจึงแนะนำทุกคนเอาตัวออกไป ไปมองสิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็น ถึงจะทะนุถนอมชีวิตของเราทุกชั่วโมง ทุกนาที
ผมรู้สึกตัวเองผูกพันกับประเทศไทย ผมติดตามข่าวเมืองไทยตลอด ผมก็หวังว่าการเมืองไทยจะนิ่งสัก 10 – 20 ปี เศรษฐกิจดี ทุกฝ่ายอยู่เย็นเป็นสุข คุยกันดีๆ
-------------------------------------------------------------------------------------