เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศรายละเอียดของนโยบายส่งเสริมภาคเอกชนลงทุน โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนก่อตั้งศูนย์ดูแลผู้สูอายุ เพื่อให้บริการที่ผู้สูงอายุต้องการ เช่น อาหารการกิน การอาบน้ำ และการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการบริการผู้สูงอายุด้วย

ในส่วนของรูปแบบการบริหาร สามารถใช้รูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน ในด้านภาษี รัฐบาลจีนจะลดภาษีเงินได้แก่ธุรกิจภาคเอกชนที่ให้บริการผู้สูงอายุ นอกจากนี้ จีนยังมีแผนที่จะตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจบริการผู้สูงอายุ และออกนโยบายสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เกี่ยวข้องกับการบริการผู้สูงอายุ

คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ยอดการดำเนินธุรกิจบริการผู้สูงอายุของจีนจะสูงถึง 10 ล้านล้านหยวน ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจมหาศาลให้กับ 6 ธุรกิจหลัก

ได้แก่ 1 ธุรกิจดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป 2 ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ 3 ธุรกิจบริการทำความสะอาดที่พักสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน 4 ธุรกิจบริการการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุที่สนใจ 5 ธุรกิจบริการบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป 6 ธุรกิจบริการทางการเงินสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ปานกลางและสูง

จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนพบว่า ปัจจุบัน เตียงผู้ป่วยสำหรับผู้สูงอายุทั่วประเทศมีอยู่เพียงประมาณ 4 ล้านเตียงเท่านั้น

หากเทียบกับประเทศที่มีธุรกิจบริการผู้สูงอายุที่สมบูรณ์แบบแล้ว ธุรกิจบริการผู้สูงอายุในจีนมีโอกาสการพัฒนาอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการผู้สูงอายุต้องใช้ทุนเริ่มต้นที่สูง ต้องใช้บุคลากรมืออาชีพมาก และใช้เวลาคืนทุนที่นานกว่า บวกกับปัจจุบันผู้สูงอายุในจีนส่วนใหญ่มีเงินใช้จ่ายอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดบริการผู้สูงอายุพัฒนาล่าช้ามาก

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ รัฐบาลจีนได้ตระหนักถึงปัญหานี้ และออกนโยบายส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจบริการผู้สูงอายุแล้ว ด้วยเหตุนี้ ตลาดธุรกิจบริการผู้สูงอายุในจีนจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการในสาขาธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งจีนและต่างประเทศ

ด้านนักวิชาการแนะให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุลักษณะเช้าไปเย็นกลับในชุมชนให้มากขึ้น และมีบริการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุทุกหลังคาเรือนเป็นประจำ เพราะทุกวันนี้ ผู้สูงอายุที่ไม่มีบุตรหลานดูแลมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ควรให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงาน รัฐบาลควรพิจารณาให้มีหลักสูตรเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุโดยตรง ซึ่งอาจบรรจุลงในหลักสูตรสาขาวิชาการพัฒนาชุมชน สังคมสงเคราะห์ การพยาบาล เพื่อให้ผู้ทำหน้าที่มีความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลผู้สูงอายุ

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลยังต้องจัดสรรพื้นที่และทำโครงการต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุ โดยเน้นที่การกระจายตัวอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงได้ง่าย หน่วยงานรัฐบาลยังต้องเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการเข้าร่วมกิจกรรมดูแลผู้สูงอายุ สนับสนุนให้ครอบครัวของผู้สูงอายุเห็นความสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรมดูแลผู้สูงอายุ และทำให้ผู้สูงอายุมองเห็นว่า ชีวิตของตนมีความหมายและยังมีกิจกรรมทางสังคมอีกมากมายที่ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความหมายและมีความสุข