กรุงเทพฯ – เมื่อ 24 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา มีพิธีมอบป้ายให้แก่สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต โดยมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อให้เป็นสถาบันเชิงยุทธศาสตร์ ขยายขอบเขตการสนับสนุนการเรียนการสอนภาษาจีนของสถาบันขงจื่อในประเทศไทย โดยมี นายนิ่ง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย, ดร. สวู่ หลิน - ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่ฮั่นปั้น ณ กรุงปักกิ่ง, พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, พระพรหมมังคลาจารย์ - ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามและประธานคณะกรรมการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล รวมถึงรศ.ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ –อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เข้าร่วมงาน
นายนิ่ง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าวแสดงความยินดีในการจัดตั้งสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสถาบันขงจื่อทั้งหมด 12 แห่ง มีห้องเรียนขงจื่อ 11 แห่ง สำหรับสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างองค์กรทางการศึกษา 27 แห่ง การก่อตั้งสถาบันนี้จะเป็นเวทีเชื่อมโยงระหว่างไทย-จีน และเป็นการสนับสนุนการอบรมบุคลากรครั้งสำคัญ ท่านทูตเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของท่านเจ้าคุณธงชัย (พระพรหมมังคลาจารย์) สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลนี้ จะต้องมีความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
พระพรหมมังคลาจารย์- ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามและประธานคณะกรรมการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลเปิดเผยว่า การจัดตั้งสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลเกิดขึ้นหลังจากการประชุมหารือในวาระครบรอบ 10 ปีของการจัดตั้งสถาบันขงจื่อทั่วโลก โดยทางพระพรหมมังคลาจารย์ได้เสนอโครงการให้มีการบริหารจัดการสถาบันขงจื่อในรูปแบบใหม่และได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่ฮั่นปั้นและคณะกรรมการฯและนี่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งนี้
รศ.ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ –อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์กล่าวว่าทางมหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทียนจิน นอร์มอล ในการส่งเสริมความร่วมมือกับส่วนราชการ สถาบันและองค์กรต่างๆในไทย เพื่อตอบสนองความต้องการเรียนภาษาและศึกษาวัฒนธรรมจีน รวมถึงการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ด้าน ศ. ดร. บุญเสริม วีสกุล อธิการบดีเกียรติคุณ ม. ธุรกิจบัณฑิต กล่าวเสริมว่าความร่วมมือในการก่อตั้งสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อหลายหน่วยงาน ไม่ใช่แต่เฉพาะสถาบันการศึกษาเท่านั้น เพราะทางสถาบันฯมีแผนจะร่วมมือกับอีกหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน เพื่อผลักดันให้สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษาจีนมากขึ้น และมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศไทยต่อไปในอนาคต
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿
