เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การเจรจาว่าด้วยการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเสร็จสิ้นลงที่มาเลเซีย สำหรับจีน ถือเป็นเขตการค้าเสรีเขตแรกและใหญ่ที่สุดที่จีนเจรจากับต่างประเทศ และการเจรจาเพื่อยกระดับให้สูงขึ้นยังไม่เคยมีมาก่อน ที่สำคัญกว่านี้คือ ไม่เพียงแต่เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเท่านั้น หากยังเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย

อี-บิสซิเนสข้ามแดนเป็นทิศทางการพัฒนาการค้าทวิภาคี อาหารสดจากอาเซียนขึ้นโต๊ะอาหารชาวจีน กุ้งจากเวียดนาม ปลาจากอินโดนีเซีย มะม่วงดิบจากไทย กาแฟขาวจากมาเลเซีย เป็นต้น เป็นอาหารยอดนิยมของชาวจีนมากยิ่งขึ้น

เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนมีเสรีทางการค้าระดับสูง สินค้าประมาณ 95% ไม่ต้องเสียภาษี ตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปัจจุบัน มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับอาเซียนเพิ่มขึ้น 75 เท่า จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่ที่สุดของอาเซียน อาเซียนเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับที่ 3 ของจีน

ตามเป้าหมายที่สองฝ่ายตั้งไว้ ถึงปี 2020 มูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่ายจะถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ อี-บิสสิเนสข้ามแดนกลายเป็นประเด็นใหม่ในความร่วมมือระดับสูง

การพัฒนาของเศรษฐกิจและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศต่างๆ ในอาเซียนมีระดับต่างกัน ในเขตด้อยพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน เช่นการคมนาคมล้าหลัง จนจำกัดการพัฒนาเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีนได้กล่าวระกว่างการเยือนอย่างชัดเจนว่า จีนจะร่วมแผนพัฒนาการเชื่อมต่อของอาเซียน จะส่งเสริมการสร้างทางรถไฟสายทรานส์เอเชีย Trans-Asian Railway (TAR) พยายามเริ่มงานก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และทางรถไฟจีน-ลาวภายในปีนี้ ยินดีร่วมกับหารือ "ข้อตกลงความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งจีน-อาเซียน"

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นส่วนสำคัญของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนในอนาคต และการเดินทางในเขตที่มีปัญหาการคมนาคมจะสะดวกยิ่งขึ้น

In/LR