การเจรจาว่าด้วยการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว นายทัง จือหมิ่น ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกลุ่ม บริษัท ซีพี ออลล์ (จำกัด ) นายพิษณุ เหรียญมหาสาร อดีตรองปลัดกระทรวงพาณิชย์เขียนบทความลงในนิตยสาร Around Southeast Asia โดยมองจากแง่มุมของประเทศอาเซียนต่อผลกระทบจากสภาวการณ์ใหม่ทางเศรษฐกิจจีนที่มีต่อเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนที่ยกระดับแล้ว

บทความนี้ระบุว่า สภาวการณ์ใหม่ทางเศรษฐกิจจีนประกอบด้วยเนื้อหาทั้ง 4 ด้านดังต่อไปนี้คือ 1.อัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนลดจากเดิมที่เป็นร้อยละ 10 เหลือประมาณร้อยละ 7 2.การให้โครงสร้างเศรษฐกิจจีนสมดุลย์ยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยการให้อัตราส่วนของภาคการบริการเพิ่มมากขึ้น ให้อัตราส่วนของการบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น ให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นและให้นวตกรรมทางเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น 3.ความขัดแย้งที่ปริมาณการผลิตมากกว่าความต้องการ ซึ่งเป็นปัญหาที่รบกวนจีนเป็นเวลานานจะได้คลี่คลายลง และ4.เมื่อเทียบกับการมีส่วนร่วมของรัฐบาลแล้วในภาคเศรษฐกิจ บทบาทของตลาดได้เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งสภาวการณ์ใหม่ทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนในด้านต่อไปนี้คือ 1.พร้อมกับเศรษฐกิจจีนปรับโครงสร้าง ธุรกิจที่ไวต่อต้นทุนแรงงานต้องย้ายไปประเทศอาเซียน 2.พร้อมกับการชะลงตัวของเศรษฐกิจจีนและการสิ้นเปลืองพลังงานลดน้อยลง การส่งออกสินค้าประเภททรัพยากรของอาเซียนต่อจีนมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นไม่ว่าในด้านปริมาณหรือราคาก็ตาม 3.ตลาดการบริโภคส่วนบุคคลของจีนขยายตัวจะสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจกับประเทศอาเซียน 4.สินค้าคุณภาพดีและรูปแบบใหม่ทางธุรกิจของจีนจะสร้างสถานการณ์การแข่งขันแบบใหม่ให้กับอาเซียน และ5.รัฐบาลจีนจะให้ความร่วมมือกับบริษัท แต่ส่วนมากจะใช้รูปแบบของบริษัทและตลาด