วัดขงจื่อและพิพิธภัณฑ์กั๋วจื่อเจี้ยนในกรุงปักกิ่ง (2)
  2016-01-11 09:36:19  cri

จีนสมัยโบราณมีระบบการสอบเข้ารับราชการที่สมบูรณ์แบบเพื่อคัดเลือกปัญญาชนเข้ารับราชการ ระบบนี้เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุยจนกระทั่งถึงราชวงศ์ชิง ระบบการสอบดังกล่าวแบ่งออกเป็นการสอบในระดับต่างๆ หลายระดับ

การสอบถงเซิงเป็นระดับต่ำสุด ซึ่งคล้ายกับการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในปัจจุบัน ผู้สมัครสอบในระดับนี้ทุกคน ไม่ว่าจะมีอายุมากน้อยเท่าไรก็ตาม จะเรียกว่า "ถงเซิง" (童生) ดังนั้นจึงเรียกการสอบในระดับนี้ว่า "การสอบถงเซิง" การสอบถงเซิงเป็นการสอบในระดับท้องถิ่นซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ การสอบระดับอำเภอ การสอบระดับมณฑล และการสอบซึ่งจัดโดยขุนนางที่ราชสำนักมอบหมายหน้าที่มาโดยตรง ในการสอบ 3 ระดับนี้ การสอบระดับอำเภอถือว่าสำคัญที่สุด การจัดสอบระดับอำเภอจะดำเนินการโดยขุนนางประจำอำเภอต่างๆ หากผู้เข้าสอบผ่านระดับนี้ก็จะได้รับเลือกเป็น "เซิงหยวน" (บัณฑิตระดับอำเภอ) หรือมักเรียกกันทั่วไปว่า "ซิ่วฉาย"(秀才)

การสอบระดับภูมิภาค

ผู้ที่มีสิทธิเข้าสอบในระดับภูมิภาคหรือ "เซียงซื่อ" คือ"เซิงหยวน" การสอบในระดับนี้จะจัดขึ้นทุก 3 ปีที่เมืองเอกของมณฑลต่างๆ เนื่องจากการสอบมักจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จึงเรียกการสอบในระดับนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ชิวซื่อ" หรือการสอบในฤดูใบไม่ร่วง ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกในระดับนี้เรียกว่า "จี่ว์เหริน" หรือมักเรียกกันทั่วไปว่า "จ้งจี่ว์"

การสอบระดับประเทศ

"จี่ว์เหริน" ของมณฑลต่างๆ จะเดินทางมายังเมืองปักกิ่งเพื่อเข้าสอบ "ฮุ่ยซื่อ" หรือการสอบระดับประเทศซึ่งจัดขึ้นทุก 3 ปีเช่นกัน เนื่องจากการสอบมักจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ จึงเรียกการสอบในระดับนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ชุนซื่อ" หรือการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ผู้ที่สอบผ่านในระดับนี้เรียกว่า "ก้งเซิง" หากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็น"ก้งเซิง" ก็จะมีสิทธิได้รับคัดเลือกให้ข้าในพระองค์จากกษัตริย์ ดังนั้นการสอบได้เป็นก้งเซิงจึงถือว่าเป็นการก้าวสู่เส้นทางการเป็นขุนนางแล้ว

การสอบในพระราชวัง

"เตี่ยนซื่อ" หรือการสอบในพระราชวัง เป็นการสอบคัดเลือก "ก้งเซิง" ที่จัดขึ้นในเขตพระราชวังและใช้ข้อสอบที่กษัตริย์ทรงเป็นผู้ออกเอง ผู้ที่ผ่านการสอบในระดับนี้มีจำนวนจำกัด โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มที่ดีที่สุด หรือเรียกว่า "ซานจย่า" ในแต่ละกลุ่มจะมีผู้ได้รับคัดเลือกเพียง 3 คน ผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่ง สองและสามของแต่ละกลุ่มจำนวน 9 คนนี้เรียกว่า "จิ้นซื่อ" ผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งจะได้รับตำแหน่ง "จ้วงหยวน" (จอหงวน) ผู้ที่สอบได้อันดับสองจะได้ตำแหน่ง "ป๋างเหยี่ยน" และผู้ที่สอบได้อันดับสามจะได้รับตำแหน่ง "ทั่นฮวา" ในสมัยราชวงศ์ชิง หลังจากผ่านการสอบเตี่ยนซื่อแล้ว จิ้นซื่อทุกคนยังต้องเข้าสอบ "เฉาข่าว" หรือการสอบในเขตพระราชฐานอีกครั้ง โดยการสอบครั้งนี้จะมีขุนนางชั้นสูงเป็นผู้ตรวจข้อสอบ เมื่อเสร็จสิ้นการสอบจะมีการจัดอันดับในการสอบเตี่ยนซื่อและคะแนนจากการสอบเฉาข่าว จากนั้นกษัตริย์จะเป็นผู้พระราชทานตำแหน่งขุนนางแก่บัณฑิตเหล่านี้ตามความเหมาะสม ดังนั้นหากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็นจิ้นซื่อก็เท่ากับว่าได้เป็นขุนนางในราชสำนักค่อนข้างแน่นอนแล้ว

กั๋วจื่อเจี้ยนเป็นสถาบันการศึกษาและหน่วยงานบริหารการศึกษาสูงสุดของสมัยราชหยวน หมิงและชิง เริ่มสร้างเมื่อปี 1287 ต่อมาในสมัยราชวงค์หมิงและชิงยังขยายกว้างขึ้นหลายครั้ง และปัจจุบัน มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 27,000 ตารางเมตร สมัยนั้น ผู้ที่เรียนหนังสือในสถาบันแห่งนี้เรียกว่า "เจียนเซิง" สถานบันแห่งนี้นอกจากรับนักเรียนจากชนชาติต่างๆทั่วประเทศแล้ว ยังรับนักศึกษาชาวต่างชาติด้วย ซึ่งได้ขยายบทบาทในทางบวกต่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของโลกด้วย อาจจะกล่าวได้ว่ากั๋วจื่อเจี้ยนนเป็นสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ที่สุดของจีนและรักษาไว้อย่างดี และลือชื่อทั่วประเทศด้วยมีประวัติศาสตร์ยาวนาน สิ่งก่อสร้างมีเอกลักษณ์ของจีนและมีกลิ่นไอวัฒนธรรมที่เข้มข้น และเมื่อปี 1961 ได้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการอนุรักษ์อันดับแรกของจีน

วัดขงจื่อและพิพิธภัณฑ์กั๋วจื่อเจี้ยนในกรุงปักกิ่งล้วนอยู่ตัวเมืองกรุงปักกิ่ง นั่งรถเมล์สาย 104 หรือ 108 ลงที่ป้ายฟังเจียหูท่ง(方家胡同) เดินไปทางเหนือประมาณ 100 เมตรจะถึง นั่งรถไฟใต้ดินจะลงที่ยงเหอกง(雍和宫) เดินทางไปทางใต้ประมาณ 50 เมตรแล้วเลียวซ้ายตรงไปจะเห็นแล้ว

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040