ชาวเน็ตจีนมีประโยคติดตลกที่ว่า "มีความหิวรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า แม่รู้สึกว่าคุณหิว" ซึ่งหลายคนยอมรับว่าคุ้นเคยกันดีกับคำพร่ำบ่นติดปากของแม่อย่าง "ยังไม่นอนอีก" "เมื่อไหร่จะกลับ" แต่ที่คุ้นสุดๆ คือ "กินให้เยอะๆ หน่อย" โดยเฉพาะคนที่ไปทำงานต่างถิ่นต่างแดน แม้ว่าคุณจะอ้วนขึ้นมากขนาดไหนก็ตาม เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านแต่ละครั้ง แม่มักจะเห็นว่าคุณผอมลงและทำอาหารอร่อยเต็มโต๊ะอิ่มหนักกันทุกมื้อ ทำนองเดียวกับแม้ลูกจะแก่ปูนไหนแล้วก็ตาม ยังคงเป็นลูกน้อยในสายตาของแม่ไม่เปลี่ยน
สำหรับวันแม่ปีนี้ ชาวจีนมีการแสดงออกถึงความรักหลากหลายประเด็นเช่นเคย บ้างซื้อของขวัญ บ้างพาไปเที่ยว และอีกแบบหนึ่งก็คือ การลงมือทำอาหารให้คุณแม่ทาน สำหรับชาวปักกิ่งหลายคนว่าจะทำจานเด็ดอย่าง "จ๋าเจี้ยงเมี่ยน" หรือ หมี่แห้งคลุกซอสผัดให้ทาน เพราะเป็นอาหารรสมือแม่ที่ต่างคุ้นเคยกันดี (รู้จักกับจ๋าเจี้ยงเมี่ยนได้ที่ http://thai.cri.cn/247/2012/07/17/225s200210.htm)
แน่นอนว่า อาหารปักกิ่งขึ้นชื่อ นอกจากเป็ดปักกิ่งและหมี่คลุกซอสจ๋าเจี้ยงเมี่ยนแล้ว ยังมีอาหารหลากรสให้ลิ้มลองอีกมาก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแบบเที่ยวไปชิมไป นอกจากที่ถนนคนเดิน "หวังฝูจิ่ง" หรือ "หนานหลัวกู่เซี่ยง" แล้ว ยังมีอีกเส้นที่อยากแนะนำ คือ ถนนกล้องยาสูบจีน(เยียนไต้เซี๋ยเจีย)
เห็นชื่อแล้วอย่าเข้าใจผิดว่า ถนนโบราณเก่าแก่แห่งนี้จะขายแต่ยาสูบ เพราะที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากรูปร่างของถนนที่มองจากมุมสูงมีลักษณะคล้ายกล้องยาสูบจีนต่างหาก
ถนนเยียนไต้เซี๋ยเจีย ตั้งอยู่ในเขตซีเฉิงของกรุงปักกิ่ง นั่งใต้ดินสาย 8 ไปลงที่สถานี "สือช่าไห่" ออกประตู A2 เดินขึ้นเหนือไปประมาณ 400 เมตร ซึ่งอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของปักกิ่งจะมีการนำเครื่องในมาปรุงเป็นอาหารโอชะถูกปากกันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น "กระเพาะแพะ/วัวลวก - เป้าตู้" "ตับและไส้หมูตุ๋น - ฉ่าวกัน" แต่ถ้าใครไม่ชอบเครื่องในก็มี "เกี๋ยวน้ำ – หุนทุ่น" หรือ "เปี๊ยะไส้เนื้อวัว – เหมินติงโร่วปิ่ง" ให้ลองซื้อหามาชิมกัน
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府
ซ้าย–ฉ่าวกัน กลาง–เปี๊ยะเหมินติง ขวา-เป้าตู้
ลิงค์เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:รู้จักกับจีนจานด่วน "จ๋าเจี้ยงเมี่ยน"
http://thai.cri.cn/247/2012/07/17/225s200210.htm
เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:วันแม่จีนปีนี้ รักมีให้แม่(เมีย)
http://thai.cri.cn/247/2014/05/13/225s221070.htm
เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:วันแม่กับการครบรอบ 5 ปี "แผ่นดินไหวเวิ่นชวน"