เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา หัวหน้าทนายความฝ่ายฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า อธิปไตยของจีนในทะเลหนานไห่กำหนดตาม "เส้นประ 9 เส้น" การตัดสินในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะยึดหลักกฎหมายทั้งหมดของจีนเกี่ยวกับอธิปไตยในทะเลจีนใต้ ต่อกรณีนี้ นายหงเหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ผลการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ จะไม่กระทบต่ออธิปไตยและสิทธิประโยชน์ของจีนในทะเลหนานไห่

ความจริง การที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและประเทศเอเชียบางประเทศถือ"เส้นประ 9 เส้น" เป็นเป้าโจมตีจีน เคยมีมาก่อนแล้ว ในสภาวะที่เกี่ยวกับปัญหาทะเลหนานไห่ของจีนนั้น บางคนมักถ้ามถึงความชอบด้วยกฎหมายของ "เส้นประ 9 เส้น" แม้จะเป็นการถามเชิงท้าทาย แต่คำอธิบายก็ไม่สลับซับซ้อน ศาสตราจารย์เฝิง เหว่ย คณะประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยฝู้ต้านกล่าวว่า หากพูดกันตรงๆ แล้ว "เส้นประ 9 เส้น" ควรเรียกว่า เส้น "U" ซึ่งเป็นเส้นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงสิทธิของจีนในทะเลหนานไห่ตั้งแต่สมัยทางประวัติศาสตร์

เขากล่าวว่า การปักเส้นประ 9 เส้นจัดทำเมื่อปี 1947 ขณะนั้น รัฐบาลเพิ่งกำหนดเส้นกั้นชายแดนที่มีทั้งหมด 11 สาย แต่หลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลจีนปรับแก้ให้เป็นเส้นประรูปตัว U แทน โดยได้ยกเลิกเส้นประ 2 เส้นที่เคยอยู่ที่เวียดนาม ดังนั้น จึงตั้งชื่อว่า เส้นประ 9 เส้น หากลองแกะภาพแผนที่น่านน้ำทะเลของสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษในสมัยนั้นออกมาดูก็จะพบว่า ทั้งหมดนี้ถูกจัดให้เป็นของจีนอย่างไม่ต้องสงสัย

การที่ฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องคดีข้อพิพาททะเลจีนใต้และผลักดันให้ศาลอนุญาโตตุลาการตัดสินโดยลำพังฝ่ายเดียว แสดงว่า ฟิลิปปินส์ไม่ยอมรับความชอบด้วยกฎหมายของเส้นประ 9 เส้น เงื่อนไขบังคับที่ทั้งฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นท้าทายจีนต่อการนี้ จีนไม่ได้ชี้แจงความหมายและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องของเส้นประ 9 เส้น ศาสตราจารย์เฝิง เหว่ยเห็นว่า สาเหตุที่ทางการจีนไม่ได้ชี้แจงเป็นเพราะ จีนเชิดชูความจริงใจที่จะวางข้อพิพาทและไม่ต้องการกระตุ้นความขัดแย้ง

Toon/Lr