สัปดาห์ก่อนผมพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวสวนสนุกและไหว้พระมาแล้ว สัปดาห์นี้พาไปทานอาหารอร่อย ๆ กันบ้างนะครับ ผมเชื่อว่าก่อนที่ทุก ๆ ท่านจะเดินทางไปฮ่องกง คงต้องเคยลองค้น ๆ มาบ้างว่าร้านอาหารร้านไหนน่าโดน ส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นติ่มซำ โจ๊ก บะหมี่ หมูหัน เป็ดย่าง ห่านย่าง หรือของหวานทั้งหลาย แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งครับที่อาจจะยังลังเลใจว่าถ้าฉันอยู่ในช่วงกินมังสวิรัติล่ะ ฮ่องกงจะยังเป็นสวรรค์สำหรับพวกเราอยู่หรือเปล่า

จริง ๆ แล้วอาหารมัง (ขออนุญาตเรียกแบบสั้น ๆ นะครับ) ในฮ่องกงหาทานไม่ยากเลยครับ เมนูมังก็มักจะสอดแทรกอยู่ในเล่มนั่นแหละ เพียงแต่ความยากของเราคือเวลาเข้าไปแล้วแค่จะสื่อสารกับเจ้าของร้านเพื่อสั่งอาหารทั่วไปยังยากเลย วันนี้ผมมี 2 ร้านที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคนสายนี้โดยเฉพาะ อร่อยถึงขนาดที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแชมป์หลายปีซ้อน ตามไปชมกันนะครับ

ร้านแรกมีชื่อว่า公和荳品廠 หรือ Kung Wo Bean curd Factory ครับ อยู่ใกล้กับที่พักผมแถวสถานีรถไฟใต้ดิน Sham Shui Po ทางออก B2 เดินฉับ ๆ 1 นาทีถึง เปิดนานกว่า 100 ปีแเละขายทุกอย่างที่ทำจาก "เต้าหู้"

ทางเลือกของคนแพ้นมวัวมีไม่มากครับ น้ำเต้าหู้ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ทดแทนความอยากได้ดีที่สุด ผมตระเวนชิมน้ำเต้าหู้ตามประเทศต่าง ๆ มานักต่อนัก แต่กลับต้องยอมใจให้เจ้านี้จริง ๆ ร้านนี้ถูกจัดอันดับโดยเว็บไซต์ Openrice ให้เป็นสุดยอดของทานเล่นในย่านติดต่อกันยาวนาน 7 ปีซ้อน แถมได้รับการการันตีจากมิชลินเมื่อปี 2015-2016 ด้วย

ก่อนจะเดินทางไปถึงขอให้เตรียมใจรับมือกับมวลมหาประชาชนกันด้วยนะครับ กินไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีไป ที่สำคัญอย่ารอให้ใครมารับออเดอร์ เพราะพนักงานทุกคนมีความสามารถในการทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน เห็นเขากรอกนั่นทอดนี่ หูเขาก็ฟังครับ

สำหรับเมนูดังของเจ้านี้นอกจากน้ำเต้าหู้ไม่ว่าจะเป็นแบบร้อน (หยิด เต่า เจิ๊ง) และเย็น (ตง เต่า เจิ๊ง) ก็มีเต้าฮวย (เต่า ฝู่ ฟ้า) และเต้าหู้ทอด (เต่า พ้อก) ครับ

มีข้อระวังเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัตินะครับ ร้านนี้เขาจะขายเต้าหู้ทอดอยู่ 3 แบบ มี 2 แบบที่ผสมเนื้อปลาบด ถ้ามากับชาวมังล้วนก็ควรสั่งแต่เต่าพ้อกนะครับ

ส่วนใครเริ่มเปิดทริปด้วยร้านนี้เป็นร้านแรก ยังเขินอายที่จะเปล่งเสียงกังวาลสั่งอาหารล่ะก็ ที่นี่เขาก็มีเมนูภาษาอังกฤษไว้ให้ สามารถขอและชี้ ๆ เอาได้ สนนราคาแต่ละรายการน่าคบหาครับ อย่างน้ำเต้าหู้ก็แก้วละ 6 – 9 เหรียญ เต้าฮวย 10 เหรียญ และเต้าหู้ทอด 20 เหรียญ

รองท้องกันพอหอมปากหอมคอ ก็ไปต่อกันที่ร้านร้านนี้ครับ เป็นร้านมังสวิรัติล้วน ๆ สไตล์เซี่ยงไฮ้ เปิดมาได้ 27 ปีแล้ว และเป็นร้านมังสวิรัติร้านเดียวในฮ่องกงที่มิชลินติดดาวให้

Kung Tak Lam มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขา ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Tsim Sha Tsui สถานี Causeway Bay และสถานี Sha Tin ผมเลือกทานที่สาขา Tsim Sha Tsui ครับ เพราะทานเสร็จจะได้เดินไปชมโชว์ Symphony of Light ด้วยเลย

และนอกจาก Kung Tak Lam จะเป็นร้านมังสวิรัติเพียว ๆ แล้ว เขายังระบุด้วยนะครับว่าทุกเมนูในร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรส ไม่แต่งสี และควบคุมปริมาณเกลือและน้ำมันให้ใช้น้อยที่สุด การเดินทางเพียงออกจากสถานี Tsim Sha Tsui ทางออก C1/L5 จากนั้นเดินตามหาตึก One Peking ให้เจอก็ถึงแล้วครับครับ ร้านนี้อยู่ที่ชั้น 7

ข้อแนะนำเล็ก ๆ สำหรับร้านนี้คือพยายามอย่าไปช้านะครับ โดยเฉพาะคนที่เลือกทานที่นี่เป็นอาหารเย็น ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าคนฮ่องกงทานอาหารมังกันเยอะมาก หากไปช้าต้องรอนานพาลจะพลาดดูไฟเอาได้

เมนูอาหารมีภาษาอังกฤษกำกับหมดสบายใจได้ และ 3 เมนูที่ผมเลือกทานในก็คือ หมูผัดเปรี้ยวหวานซึ่งตัวหมูทำจากเห็ดภูเขา (108 เหรียญ) จานนี้อร่อยพุ่งกระโดดมากครับ กุ้งผัดบร็อคโคลี่สไตล์เสฉวน (118 เหรียญ) และ ซุปหูฉลาม (58 เหรียญ) หากไม่ติดที่ว่าคิดเงินไปมาราคา 1,500 บาทก็ถือได้ว่าอร่อยใช้ได้ครับ สารภาพว่าตอนสั่งนี่ผมไม่ได้ดูราคาเลย บอกแค่ว่าเอาสามอย่างนี้ เห็นเขาว่ากันว่าอร่อย มานึกตอนนี้เลยคิดเสียว่าได้เห็นวิวฝั่งเกาะฮ่องกงตอนพลบค่ำและการบริการที่เอาใจใส่ของพนักงานก็คุ้มครับ

ทั้ง 2 ร้านที่ยกมาถือว่าเป็นแค่น้ำจิ้มนะครับ สายมังอย่าเพิ่งท้อใจว่าไปถึงทั้งทีจะหาร้านอร่อย ๆ ดี ๆ ทานได้ไหม เว็บไซต์ Openrice เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยชีวิตได้เยอะทีเดียว ขอแค่เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ หน่อย รับรองว่าทริปฮ่องกงฉบับสายมังจะไม่กร่อยแน่นอนครับ

Kung Wo Dou Bun Chong