เมื่อพูดถึงการเล่นว่าว คนจีนก็จะนึกถึงเมืองเหวยฟางโดยอัตโนมัติ เพราะคนจีนเห็นว่า เมืองเหวยฟางเป็นบ้านเกิดของว่าวในประเทศ เมืองนี้อยู่ทางภาคกลางของคาบสมุทรซานตง เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยโบราณ สินค้าพื้นเมืองที่เลื่องลือของเมืองนี้คือว่าวและภาพวาดเขียนฉลองตรุษจีน ต้นกำเนิดการทำว่าวของเหวยฟางย้อนกลับไปได้ในสมัยชุนชิวจั้นกั๋วซึ่งห่างจากปัจจุบันกว่า 2,000 ปี โดยโม่จื่อ นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สร้างว่าวตัวแรกที่เมืองเหวยฟาง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ที่นี่จึงกลายเป็นบ้านเกิดว่าวของโลก โดยคนที่นี่ได้อนุรักษ์และสืบทอดฝีมือการสร้างว่าวต่อเนื่องมาทุกยุคสมัย

ในสมัยราชวงศ์หมิงกับราชวงศ์ชิง ธุรกิจการทำและขายว่าวที่นี่ค่อนข้างคึกคัก ช่างฝีมือเปิดร้านขายว่าวริม 2 ฝั่งแม่น้ำไป๋หลั่งเหอที่ไหลผ่านเมืองเหวยฟาง ว่าวเหวยฟางทั้งสวยงามและลอยสูง ราชสำนักหมิงและชิงก็นิยมจัดการประกวดการเล่นว่าวที่เหวยฟาง ดึงดูดช่างฝีมือ พ่อค้าและผู้เล่นว่าวจากทั่วประเทศมาร่วมงาน รวมทั้งช่างโด่งดังที่มีชื่อว่า "เฮ่อต้า" ซึ่งเป็นผู้สร้างว่าวให้จักรพรรดิเฉียนหลง ว่าวรูปลักษณ์นกกระเรียนขายดีมากในตลาดว่าวเหวยฟาง

เมืองเหวยฟางเป็นแหล่งกำเนิดว่าวของทั่วโลก การสร้างว่าวของจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฝีมือการสร้างว่าวของที่นี่ก็วิจิตรประณีตมาก ว่าวเหวยฟางเป็นหัตถกรรมล้ำค่าที่สืบทอดจากสมัยโบราณ ได้รับการยกย่องเป็นมรดกวัฒนธรรมวิถีชนของประเทศจีน ทุกวันนี้ ว่าววางขายกันทั่วโลกกว่า 70% ผลิตและส่งออกจากเมืองเหวยฟาง สำนักงานใหญ่สมาพันธ์ว่าวระหว่างประเทศก็ประจำที่เมืองเหวยฟาง ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมว่าวของโลก

เช่นเดียวกันกับผลงานศิลปวัฒนธรรมหลายอย่าง ว่างเหวยฟางกำเนิดจากกิจกรรมละเล่นของชาวบ้าน เป็นของเล่นที่สะท้อนถึงความหวังต่อชีวิตที่เกี่ยวพันกับชิวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนอย่างใกล้ชิด ภายหลังวิวัฒนการที่ยาวนาน ว่าวเหวยฟางค่อยๆ ครองเอกลักษณ์แห่งความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุสร้าง ฝีมือการสร้างโครงและติดกาวที่วิจิตร รูปร่างที่มีชีวิตชีวา การทาสีที่สดใสตระการตา และการลอยตัวบนฟ้าได้อย่างดี เป็นต้น

ว่าวเหวยฟางแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ว่าวปีกนุ่ม ว่าวปีกแข็ง ว่าวพ่วง ว่าวสามมิติ ฯลฯ ซึ่งว่าวรูปคนปีกแข็งที่มีฝีมือวาดเขียนสุดวิจิตรประณีต และว่าวตะขาบหัวมังกรที่ขยับไปมาตามสายลมเป็นผลงานว่าวที่มีคุณค่าทางศิลปะสูงที่สุดของเมืองเหวยฟาง ช่างชอบใช้ไม้ใผ่ขึ้นเป็นโครงตัวว่าว เอาผ้าไหมสวยงามและคงทนแปะบนโครง แล้ววาดเขียนระบายสีด้วยพู่กันจีน ผลงานว่าวแต่ละตัว นอกจากเป็นของเล่นแล้ว ยังนำไปแขวนที่บ้านเป็นเครื่องประดับได้ด้วย

เทศกาลว่าวนานาชาติเหวยฟาง

เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1983 ในงานแสดงสินค้าส่งออกของจีนที่จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ ว่าวเหวยฟางที่ได้รับเชิญไปร่วมงานดึดดูดสายตาของผู้ชมทั่วโลก โดยเฉพาะว่าวตะขาบหัวมังกรขนาดใหญ่ที่ยาวกว่า 50 เมตร ได้สร้างความอัศจรรย์แก่ผู้ชมด้วยท่าทางสง่างามบนท้องฟ้า ขณะนั้น นาย David Qielak นายกสมาคมว่าวเมืองซีแอตเติลของสหรัฐอเมริกาประทับใจว่าวเหวยฟางอย่างยิ่ง จนต้องเดินทางไปถึงเมืองเหวยฟางสั่งซื้อว่าวจำนวนหนึ่งเอากลับสหรัฐฯ ทำให้ว่าวเหวยฟางมีโอกาสก้าวขึ้นสู่เวทีโลก

ต่อจากนั้น ด้วยความร่วมมืออันใกล้ชิดและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของสมาคมว่าวเมืองซีแอตเติล และทางการเมืองเหวยฟาง เทศกาลว่าวนานาชาติเหวยฟางครั้งแรกซึ่งมีวาระ 10 วัน ได้จัดขึ้นที่เมืองเหวยฟาง มณฑลซานตงของจีนเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1984 นักเล่นว่าวทั้งจีนและต่างชาติจำนวน 185 คนจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมนี สิงคโปร์ ประกอบเป็น 18 ทีมแข่งขัน ร่วมประชันความสามารถการสร้างว่าวและชักเล่นกัน แฟนคลับจากทั่วโลกอิ่มเอิบกับการแสดงเล่นว่าวกว่า 70 ชนิด ดึงดูดนักข่าวทั่วโลกเกิน 300 คนมารายงานข่าวงานครั้งนี้

เทศกาลว่าวนานาชาติที่จัดเป็นปีละครั้งที่เมืองเหวยฟาง กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่แห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประชาชนจีนกับประชาชนประเทศต่างๆ เนื่องจากได้รับความสนใจมากขึ้นทุกที ที่ประชุมสมาพันธ์ว่าวนานาชาติเมื่อเดือนเมษายนปี 1988 จึงมีมติให้ตั้งเมืองเหวยฟางของจีนเป็นเมืองหลวงว่าวของโลก เทศบาลเมืองเหวยฟางถือโอกาสรณรงค์ให้จัดตั้งสมาพันธ์ว่าวของโลก นับเป็นองค์การกีฬาระหว่างประเทศแห่งแรกที่ก่อตั้งและมีสำนักงานใหญ่ประจำอยู่ที่จีน

เทศกาลว่าวนานาชาติเหวยฟาง ถือเป็นหน้าต่างที่เปิดให้ทั่วโลกรู้จักกับเมืองเหวยฟาง พร้อมผลักดันเหวยฟางให้พัฒนาอย่างรวดเร็วภายใต้วิสัยทัศน์โกอินเตอร์ โดยเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองนี้เติบโตอย่างมากเพราะจำนวนนักธุรกิจที่มาลงทุนในเหวยฟางเพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ปัจจุบัน ในช่วงเทศกาลว่าวนานาชาติ ทางการเมืองเหวยฟางยังจัดงานเชื่อมความสัมพันธ์ทางการค้ามณฑลซานตง-ไต้หวัน นิทรรศการผักเมืองโซ่วกวาง นิทรรศการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับเมืองชางเล่อ พร้อมทั้งร่วมกันส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมให้พัฒนาอย่างยั่งยืน