สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง วันที่ 1 กรกฎาคม 2005 ปีนี้ เป็นวันที่ประเทศไทยกับประเทศจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันครบรอบ 30 ปีพอดี เราชาวซีอาร์ไอ ภาคภาษาไทย รู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอถือโอกาสนี้ เฉลิมฉลองด้วยการจัดทำรายการพิเศษเสนอแก่ท่าน เรื่อง "บนเส้นทางความสัมพันธ์จีน-ไทย" ขอเชิญท่านผู้ฟังติดตามไปพร้อม ๆ กับเรานะคะ

เมื่อ 30 ปีก่อน คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 หรือคริสต์ศักราช 1975 ฯพณฯ หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีของไทย และนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของจีน ได้พบปะกันและลงนามร่วมกัน ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อประกาศต่อชาวโลกว่า ประเทศจีนกับประเทศไทยได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว

จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น จนถึงวันนี้ เส้นทางแห่งมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจีนและไทยต่างประจักษ์ชัดในความจริงข้อนี้ และต่างก็มีคำพูดที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่ตรงกันนี้ เช่น ฝ่ายจีนมักพูดว่า "จงไท่อี้เจียชิง" ขณะที่ฝ่ายไทยก็มักพูดว่า "จีนไทยใช่ใครอื่น พี่น้องกัน" ซึ่งเป็นคำพูดที่ฟังแล้วอบอุ่นล้ำลึกยิ่งนัก

แต่ท่านผู้ฟังก็คงทราบแล้วนะคะว่า มิตรภาพระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทยหาใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบล้วน ๆ ก็หาไม่ ท่านผู้ฟังที่มีอายุอยู่ในวัยมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะรำลึกได้ถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่บอกเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองประเทศเราว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ความสัมพันธ์จีน-ไทยต้องฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ต้องผ่านความพยายามของบุคคลผู้หวังดีทั้งสองฝ่าย ที่ปรารถนาจะเห็นประเทศจีนกับประเทศไทยสร้างสรรค์ความสัมพันธ์เป็นปกติต่อกัน เพื่อสันติสุขของประชาชน และผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศเราทั้งสอง

รายการพิเศษวันนี้ ดิฉันได้รับเกียรติจากอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนแรก ฯพณฯ ไฉเจ๋อหมิน อีกท่านหนึ่งคือ ฯพณฯ จุลพงศ์ โนนศรีชัย เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนคนปัจจุบัน เรื่องราวที่ท่านทูตจีนคนแรก และท่านทูตไทยคนปัจจุบันเล่าให้เราฟัง เมื่อนำมาร้อยเรียงกันเข้า จะช่วยให้เราก้าวเดินไปบนเส้นทางความสัมพันธ์จีนไทยสายนี้ได้ ด้วยความเข้าใจถึงความเป็นมาอดีต สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และทิศทางที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตข้างหน้าค่ะ (เพลง)

ฯพณฯไฉ่เจ๋อหมิน ปัจจุบันอยู่ในวัยกว่า 80 ปีแล้ว แต่ก็กรุณาให้เราเข้าพบ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งที่ท่านไปบุกเบิกความสัมพันธ์กับประเทศไทยในฐานะทูตคนแรก ท่านออกตัวก่อนว่า อาจจะจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ไม่ดีเพราะชราภาพแล้ว แต่ปรากฏว่าตลอดเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่เราพาท่านย้อนอดีตนั้น ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างยังใสแจ๋วอยู่ในความคิดคำนึงของท่าน แล้วค่อย ๆ เรียงตัวออกมาหลังจากที่เราตั้งคำถามจุดประเด็นให้ท่านเล่าเป็นข้อ ๆ

ท่านไฉคะ ทำไมรัฐบาลจีนจึงส่งท่านไปเป็นทูตคนแรกในประเทศไทย ตอนนั้นท่านทำงานในตำแหน่งหน้าที่อะไรอยู่ ท่านรู้จักประเทศไทยดีแค่ไหนคะ ?