โฮ่วไห่มีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยบาร์เล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ "No Name Bar" ของ ป๋าย เฟิ่ง (Bai Feng) นักบุกเบิกสถานที่ฮิปๆ ของปักกิ่งคนสำคัญ และด้วยการบอกปากต่อปากของนักท่องเที่ยว สถานที่แห่งนี้จะมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ มีบาร์ต่างๆ มากมายทยอยเข้ามาเปิดกิจการกัน จนปัจจุบันแน่นขนัดเรียงติดกันไปทั้งสองฝั่งของทะเลสาบเลยทีเดียว
หากเดินเข้ามาทางประตูเฉียนไห่ บุกตะลุยวงเตะลูกขนไก่เข้าได้แล้ว ร้านแรกที่ท่านผู้ฟังจะได้เห็นคือ ร้านกาแฟสตาร์บั๊กในสถาปัตยกรรมแบบจีนน่ารัก น่านั่งมาก พอเดินเลาะเข้าไปก็จะมีร้านให้เลือกมากมายหลายสไตล์ ทั้งแบบนั่งทานอาหาร แบบมีดนตรีสด และแบบแดนซ์กระจายให้เลือกตามอัธยาศัยและอารมณ์สนุกของค่ำคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นร้าน Sex and the city, East Shore Live Jazz Caf?, Hai Bar, Hutong Bar, Buddha Bar, Regge Bar เป็นต้น
ลักษณะของผับบาร์ที่นี่คนไทยเราอาจจะไม่คุ้นกับรูปแบบนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นบาร์ที่เปิดโล่ง มีโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้นั่งเอนหลังอย่างสบาย และสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็เพราะว่าอากาศของที่นี่ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนบ้านเรา อีกทั้งไม่มีกฎหมายการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การมีพื้นที่โล่งๆ ที่สามารถนั่งดื่มกินริมถนนได้อย่างเพลิดเพลิน และมีคนเดินไปมาให้เมียงมองอยู่ตลอด ก็นับเป็นมหรสพเล็กๆ จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนที่นี่นิยมกันมาก และไม่ว่าจะเป็นร้านไหน ถ้ามาสนุกสนานกันเป็นกลุ่มเมื่อไหร่ ชาวจีนจะต้องมีไพ่หรือไม่ก็ลูกเต๋ามาเขย่ากัน ไม่ได้เล่นการพนันแบบเสียเงินเสียทองนะครับ แต่เป็นการพนันดื่ม
ผมเคยเล่นกับเพื่อนชาวฮ่องกงมาแล้ว เกือบเอาตัวไม่รอด เพราะยิ่งเราแพ้บ่อย เราก็ยิ่งจะคิดช้าลง เพราะอาการเมาเข้าไปทำลายการสั่งการ
นอกจากเมาไม่ขับแล้ว ตอนหลังผมท่องจนขึ้นใจว่า "เมาไม่เต๋า" ครับ
(แทรกเพลง)
นอกจากบาร์แล้ว โฮ่วไห่ยังมีถนนสายเล็กๆ ลักษณะเป็นหูถ้ง อยู่ด้านทิศเหนือ เป็นแหล่งช้อปปิ้งของฝากชั้นดี มีทั้งร้านขายสินค้าจากธิเบต ร้านรับทำตราประทับอักษรจีน ร้านขายเสื้อหมายเลข 8 ร้านขายสมุดบันทึก ร้านกระเป๋าและเสื้อแบบจีน และมีร้านที่หน้าร้านเขียนว่า Thai Food แต่เป็นร้านของมาเลเซีย และมีอาหารไทยเพียงไม่กี่อย่าง แต่บรรยากาศน่านั่ง เพราะมีดาดฟ้าให้นั่งมองนักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่ไปมา เห็นหลังคาของบ้านเก่าในซื่อเหอย่วน หลังคากระเบื้องซ้อนกันเป็นตับหนาหนัก ไม่แปลกเลยที่อาคารเหล่านี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุคน
1 2 3 4
|