วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ผมทำข่าวในเมืองลาซา ผมได้เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบต มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1989 ทีแรกมีชื่อว่า สถาบันแพทย์แผนทิเบต ปี 2018 เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบต ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์แผนโบราณที่รวมทั้งการเรียน การวิจัย โรงพยาบาลและธุรกิจ ก็เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในโลกที่จัดตั้งสาขาแพทย์แผนและยาทิเบต
เมื่อกล่าวถึงแพทย์แผนโบราณ ไม่ว่าชาวจีนหรือชาวไทย คาดว่าคุ้นเคยกับแพทย์แผนจีนและยาสมุนไพรจีนมากกว่า แต่เมื่อพูดถึงแพทย์แผนและยาทิเบต ค่อนข้างแปลกหน้า แต่การเยี่ยมเยียนครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากและคุ้มกับการเดินทาง
ผมเดินทางถึงห้องเรียนการสอนด้วยผ้าพระบฏ โดยผ้าพระบฏเป็นรูปแบบศิลปะวาดภาพที่มีเอกลักษณ์พิเศษในวัฒนธรรมทิเบต แต่ใช้ผ้าพระบฏในการเรียนการสอน ผมได้เห็นเป็นครั้งแรก ก็คืออาจารย์ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบตเลียนแบบผลงานผ้าพระบฏแพทย์แผนและยาทิเบตในสมัยโบราณ และสอนความรู้ด้านการแพทย์ด้วยผ้าพระบฏ ฉะนั้น นักศึกษาสามารถสังเกตผ้าพระบฏและเรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับแพทย์แผนและยาทิเบตในด้านสรีรวิทยา พยาธิวิทยา วินิจฉัย ข้อพิสูจน์และกายวิภาคศาสตร์โดยตรง โดยผ้าพระบฏแต่ละผืนก็เหมือนกับ PPT วิจิตรตระการตาและมีเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง
ต่อไป เราก็ได้เยี่ยมชมตัวอย่างสมุนไพรทิเบตในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย โดยตัวอย่างเหล่านี้มีทั้งพืชและสัตว์ และยังมีฟอสซิลประเภทต่าง ๆ ตลอดจนโลหะซึ่งรวมทั้งทอง เงินและทองแดงก็สามารถทำเป็นยาตามหลักวิทยาศาสตร์
นักศึกษาเป็นส่วนประกอบสำคัญของมหาวิทยาลัย ในห้องเรียนของคณะแพทย์แผนทิเบต นักศึกษากำลังเรียนทฤษฎีพื้นฐานของแพทย์แผนทิเบต ในห้องแล็บ นักศึกษากำลังบดและสกัดตัวอย่าง
ผู้รับผิดชอบของมหาวิทยาลัยแนะนำให้ผมว่า หลายปีมานี้ มหาวิทยาลัยได้ประสบผลสำเร็จในด้านการอบรมบุคลากร การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การสร้างสรรค์สาขาวิชา และการสืบทอดวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาจีนปักกิ่งยังจับคู่ให้ความช่วยเหลือกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบตด้วย โดยส่งเจ้าหน้ามาถึงมหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบต ให้การสนับสนุนกับการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเท่าที่จะทำได้
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนและยาทิเบตก่อตั้งขึ้นมาจนถึงวันนี้มีกว่า 30 ปีแล้ว มหาวิทยาลัยได้พัฒนาจากไม่มีถึงมี จากเล็กเป็นใหญ่ จากความอ่อนแอเป็นความเข้มแข็ง กลายเป็นระบบการเรียนการสอนด้านแพทย์แผนและยาทิเบตอย่างสมบูรณ์ การเจริญเติบโตของมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นธงผืนหนึ่งของการพัฒนาอุดมศึกษาในทิเบตด้วย
ชุย อี๋เหมิง วันที่ 29 กรกฎาคม
ที่เมืองลาซา เขตปกครองตนเองทิเทต