‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

2022-01-27 09:44:25 | CMG
Share with:

ค.ศ. 2021 เป็นปีที่ 9 ที่นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรครัฐบาลใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าสู่การฉลองวันเกิดครบรอบ 100 ปี มีพรรคการเมืองเพียงไม่กี่พรรคในโลกที่ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลานานและเป็นพรรครัฐบาลนานเช่นนี้ ก่อนที่สี จิ้นผิงจะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีทีมผู้นำส่วนกลางหลายคน โดยมีนายเหมา เจ๋อตง, นายเติ้ง เสี่ยวผิง, นายเจียง เจ๋อหมิน และนายหู จิ่นเทา เป็นตัวแทนหลัก

สี จิ้นผิงนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าสู่ยุคใหม่และบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้หนึ่งร้อยปีประการแรก ซึ่งก็คือ การสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน หรือ "เสี่ยวคัง" ในทุกด้าน เริ่มดำเนินการตามโครงร่างการสร้างสรรค์ความทันสมัยในยุคใหม่อย่างเต็มพลัง พยายามย่างเข้าสู่กระบวนการใหม่แห่งการบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้หนึ่งร้อยปีประการที่สอง ซึ่งก็คือ การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีน

สี จิ้นผิงเป็นแกนนำสำคัญในการควบคุมแนวโน้มทางประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญท่ามกลางโอกาสและความท้าทายอย่างไร เขาจะนำจีนกลับสู่ศูนย์กลางเวทีโลกได้อย่างไร และจะมีผลกระทบอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ได้รับความสนใจเช่นเดียวกับเมื่อครั้งแรกที่เขาเป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว

เมื่อสื่อจีนและต่างประเทศรายงานถึงสี จิ้นผิง มักระบุว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่และมีการปฏิบัติที่กล้าหาญเด็ดขาด เป็นคนที่มีความคิดและความรักลึกซึ้ง เป็นคนที่สามารถสืบทอดมรดกและกล้าสร้างนวัตกรรม เป็นคนที่มองในภาพรวมอย่างถูกต้องและคล่องตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่ฟันฝ่าต่อสู้ตลอดและบังคับตนเองได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นคนที่ถ่อมตัวแต่ไม่กลัวความยากลำบาก

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

นักปฏิรูปแห่งยุคสมัยที่รังสรรค์สถานการณ์ใหม่

เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป โลกมีความไม่แน่นอนและไร้เสถียรภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของประเทศจำนวนหนึ่งขาดพลังขับเคลื่อน ลัทธิประชานิยม ลัทธิการคุ้มครองทางการค้า และแนวคิดแห่ง"การทวนกระแสโลกาภิวัตน์" อื่น ๆ กำลังเพิ่มขึ้น การเมืองภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงและความท้าทายที่สำคัญมีความสลับซับซ้อนและหนักหน่วง ครั้นสี จิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนนั้น ถึงแม้ว่าจีนได้เสริมสร้างพลังอำนาจแห่งชาติให้แข็งแกร่งขึ้นหลังผ่านการปฏิรูปและเปิดประเทศกว่า 30 ปี แต่ก็ประสบปัญหาความยากลำบากที่ฝังรากลึกเช่นกัน ซึ่งรวมถึงแรงกดดันจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ระบบนิเวศที่ถูกทำลาย และการสั่งสมความขัดแย้งทางสังคม เป็นต้น นอกจากนั้น การปฏิรูปก็เผชิญแรงต่อต้านบางอย่าง

ทั้งนี้ จึงต้องการการออกแบบจากระดับบนสุดอย่างถูกหลักวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น และต้องการปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและกล้าหาญยิ่งขึ้น สี จิ้นผิงวางแผนหนทางไปข้างหน้าสำหรับความทันสมัยแบบจีน อันได้แก่ การสร้างนวัตกรรม ประสานกลมกลืน สีเขียว เปิดกว้าง และแบ่งปัน รูปแบบใหม่แห่งการพัฒนานี้ถูกมองว่าแตกต่างจากรูปแบบความทันสมัยของประเทศตะวันตกที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว และมีวัตถุประสงค์ต้องการให้จีนซึ่งเป็นประเทศสังคมนิยมก้าวออกจากห้วงการเติบโตที่หยาบ ๆ มีประสิทธิภาพต่ำ และสร้างความเสียหายทางระบบนิเวศ สามารถเดินบนหนทางการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนหลีกเลี่ยงข้อเสียของระบบทุนนิยมที่คนรวยยิ่งรวยและคนจนยิ่งจน

สี จิ้นผิงเรียกการปฏิรูปและเปิดประเทศว่าเป็น "การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่" และถือเป็น "กระบวนท่าที่เป็นกุญแจสำคัญ" ในการกำหนดชะตากรรมของจีนร่วมสมัยและการบรรลุการฟื้นฟูประชาชาติ การปฏิรูปรอบใหม่ที่เขาริเริ่มนั้น นอกจากเป็นการสืบทอดการปฏิรูปของเติ้ง เสี่ยวผิงแล้ว ยังได้มีความคืบหน้าใหม่

การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2013 ได้ประกาศแผนการปฏิรูปเชิงลึกรอบด้านประการต่าง ๆ เพื่อเสนอเป็นแนวทางพื้นฐานในการก้าวผ่าน “พื้นที่น้ำลึก” สำหรับการปฏิรูปของจีนในยุคใหม่ ปลายปี 2013 สี จิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมผู้นำส่วนกลางที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับผิดชอบในการลงลึกดำเนินการปฏิรูปอย่างครอบคลุม ต่อมาหน่วยงานนี้ถูกเปลี่ยนเป็นคณะกรรมการส่วนกลางเพื่อการปฏิรูปเชิงลึกอย่างครอบคลุม

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

การปฏิรูปเกี่ยวข้องกับด้านต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การดำเนินนโยบายที่ดินฉบับใหม่ในพื้นที่ชนบท ไปจนถึงการเสริมสร้างการสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์จีนในรัฐวิสาหกิจ จากการดำเนินงานให้ถูกหลักวิทยาศาสตร์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นขององค์กรพรรคและรัฐบาล ไปจนถึงการป้องกันการแทรกแซงการตัดสินคดีจากน้ำมือมนุษย์ในกระบวนการยุติธรรม จากการรับมือกับปัญหาการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไปจนถึงการผลักดันนโยบายการคลังและภาษีอากรที่อำนวยผลประโยชน์แก่ประชาชนและเอื้อต่อการพัฒนาตลาดมากยิ่งขึ้น จากการยกเลิกระบบดัดสันดานผ่านการทำงาน (labor education) ไปจนถึงการปรับปรุงนโยบายการคลอดบุตรให้เหมาะสม จากการสร้างระบบการศึกษาที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้นและลดภาระนักเรียน ไปจนถึงการกำหนดแนวทาง "บ้านเพื่อการอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร" จากการรวมระบบการขึ้นทะเบียนบ้านในเมืองและชนบทเข้าเป็นเอกภาพ ไปจนถึงการคิดค้นระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทุ่มเทคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยความอุ่นใจ และจากการให้อำนาจนิติบัญญัติในท้องถิ่นแก่เมืองจำนวนมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการจัดตั้งกลไกต่อต้านการผูกขาดและป้องกันการขยายตัวอย่างไร้กฎระเบียบของทุน ฯลฯ

การปฏิรูปที่สำคัญที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ การขับเคลื่อนความทันสมัยของระบบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในระยะยาว โดยมีแกนหลัก คือ การยืนหยัดและปรับปรุงระบบสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนและผลักดันความทันสมัยของระบบและขีดความสามารถด้านการปกครองประเทศ นี่ถูกเรียกว่าเป็น "ความทันสมัยประการที่ห้า" ต่อจาก "ความทันสมัยสี่ประการ" ซึ่งหมายถึงความทันสมัยในด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การป้องกันประเทศ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การปฏิรูปมักเป็นเรื่องยากมากและบางครั้งต้องการสี จิ้นผิงตัดสินชี้ขาดด้วยตนเองเพื่อขจัดความขัดแย้งและฝ่าฟันแรงต่อต้าน

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

สี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมร่างเอกสารของการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 บุคคลสำคัญทั้งพรรคและรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการที่เข้าร่วมในการร่างเอกสารและรับรองความถูกต้องของนโยบายเล่าเรื่องย้อนหลังให้ฟังว่า สี จิ้นผิงศึกษาและตัดสินใจด้วยตนเอง การปฏิรูปเชิงลึกหลายประการซึ่งถกเถียงกันมานานหลายปีแต่ยังไร้ความคืบหน้านั้นได้รับการขับเคลื่อนให้เริ่มเดินหน้าได้

บุคคลวงในรายหนึ่งเล่าว่า เกี่ยวกับคำพูดใหม่ที่ว่า "การทำให้ตลาดมีบทบาทชี้ขาดในการจัดสรรทรัพยากร" นั้น สี จิ้นผิงเป็นผู้ให้ข้อสรุปในขั้นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นการการฝ่าอุปสรรคทางทฤษฎีที่สำคัญ "หากปราศจากความมุ่งมั่นของท่านเลขาธิการใหญ่สี จิ้นผิง การปฏิรูปสำคัญมากมายย่อมเป็นไปได้ยาก"

เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาเลวร้ายลง สี จิ้นผิงขจัดแรงต่อต้านจากกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่ “สายตาสั้น” อย่างเฉียบขาด เขาสั่งให้โรงงานที่ก่อมลพิษแก้ไขมิเช่นนั้นจะถูกปิด เขาเรียกร้องให้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรกตามแม่น้ำแยงซี และได้ประกาศแผนงานห้ามทำการประมงเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งทำให้ผู้คนต่างรู้สึกทึ่ง เขาเคยให้คำแนะนำ 6 ครั้งเพื่อสั่งให้รื้อถอนวิลล่าที่สร้างขึ้นผิดกฎหมายในเขตเทือกเขาฉินหลิงซึ่งมีทัศนียภาพงดงามดั่งภาพวาด

การปฏิรูปทำให้จีนเปิดประตูประเทศกว้างมากยิ่งขึ้น เมื่อปี 2013 จีนได้ตั้งเขตทดลองการค้าเสรีแห่งแรกในเซี่ยงไฮ้ จนถึงปัจจุบันจีนมีเขตทดลองการค้าเสรี 21 แห่งแล้ว สี จิ้นผิงได้กำหนดให้เกาะไหหลำทั้งเกาะ ซึ่งมีพื้นที่เทียบเท่าประเทศเล็ก ๆ ในยุโรป ให้เป็นเขตการค้าเสรีและเมืองท่าการค้าเสรี เพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การไหลเวียนข้ามแดนของเงินทุน การเข้าออกของบุคลากร และการไปมาหาสู่กันด้านการขนส่ง เป็นต้น

บัญชีรายการต้องห้ามสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก ขณะที่ประเทศจำนวนหนึ่งสร้างอุปสรรคทางการค้านั้น จีนกลายเป็นสถานที่หลักในการจัดงานนิทรรศการการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ สี จิ้นผิงเองเป็นผู้ริเริ่มให้จัดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติแห่งประเทศจีน (China International Import Expo – CIIE) ทั้งยังผลักดันให้ก่อรูปขึ้นเป็น "กลุ่มงานนิทรรศการ" ระดับชาติ ซึ่งรวมถึง CIIE, งานแสดงสินค้าภาคบริการ, งานแสดงสินค้าบริโภค และงานแคนตันแฟร์

จีนนำหน้าในการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) นี่เป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่และมีความหมายสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จนถึงปี 2021 ระดับภาษีศุลกากรโดยรวมของจีนลดลงเหลือ 7.4% ซึ่งต่ำกว่า 9.8% ตามคำมั่นสัญญาในการเข้าร่วมองค์การการค้าโลก และยิ่งต่ำกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่แห่งอื่น ๆ ที่เศรษฐกิจได้รับการพัฒนาอย่างคึกคัก

เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สี จิ้นผิงได้เสนอทฤษฎีเชิงนวัตกรรมประการต่าง ๆ เช่น "ภาวะปกติใหม่ทางเศรษฐกิจ", "การปฏิรูปโครงสร้างฝั่งอุปทาน" และ "โครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนา" เป็นต้น ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิงเป็นประธานการศึกษาแบบกลุ่มของกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนประมาณ 80 ครั้ง และเกือบทุกครั้งที่เขาเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ โดยเนื้อหาของการเรียนรู้เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญและปัญหาความยากลำบากที่พรรคต้องเผชิญในยุคใหม่ จากโครงสร้างการบริหารจัดการโลกไปจนถึงการจัดการมหาสมุทร จากความมั่นคงทางการเงินไปจนถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไปจนถึงการเผยแพร่ข่าวสารระหว่างประเทศ จากเทคโนโลยีควอนตัมไปจนถึงบล็อกเชน ฯลฯ

เมื่อปลายปี 2020 สี จิ้นผิงประกาศว่าในช่วงเวลากว่า 7 ปีก่อนหน้านั้น จีนได้มีการประกาศใช้แผนการปฏิรูปทั้งหมด 2,485 ฉบับ โดยภาพรวมแล้วได้บรรลุเป้าหมายและภารกิจด้านการปฏิรูปที่เสนอขึ้นโดยการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ตามกำหนดเวลา

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าคำมั่นสัญญาด้านการปฏิรูปได้บรรลุผลเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2020 เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6.4% ในปี 2020 ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของจีนทะลุ 100 ล้านล้านหยวน ขณะที่รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงต่อหัวของประชาชนอยู่ที่ 32,189 หยวน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตามกำหนดเวลา

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าไฮไลต์โดดเด่นที่สุดในกระบวนการที่ยุคใหม่ได้ก้าวผ่านไป คือ การบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้ 100 ปีประการแรก ซึ่งก็คือการสร้างสังคมมีกินมีใช้รอบด้านบนแผ่นดินจีนด้วยความสำเร็จ

การสร้างสังคมมีกินมีใช้รอบด้านครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์ การศึกษา วัฒนธรรม สังคม ชีวิตประชาชน สิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยา ฯลฯ โดยมีเป้าหมายที่รวมถึงการทำให้ GDP และรายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวเมืองและชนบทในปี 2020 เพิ่มเป็นสองเท่าของปี 2010

ปัจจุบันจีนได้สร้างระบบประกันสังคมใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรกลุ่มรายได้ปานกลางกว่า 400 ล้านคนซึ่งมากที่สุดในโลกเช่นกัน และได้ขจัดความยากจนสุดขีดเชิงประวัติศาสตร์

ปี 2021 จีนกระโดดขึ้นสู่อันดับที่ 12 ในการจัดลำดับดัชนีการสร้างนวัตกรรมระดับโลก แซงหน้าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อิสราเอล และแคนาดา ผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น "ระบบดาวเทียมนำทางเป๋ยโต่ว", "คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงเสินเวย", "สถานีอวกาศเทียนกง" และ "กล้องฟาสต์เทียนเหย่น" ได้รับความสนใจอย่างมาก ในฐานะประเทศที่เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากที่สุดในโลก จีนได้กลายเป็นตลาดผู้บริโภคใหญ่ที่สุดในโลก

ผู้คนสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาในชีวิตประจำวันของพวกเขาเอง ในปี 2020 สัดส่วนวันที่คุณภาพอากาศโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ดีในเมืองที่เป็นเขตบริหารสูงกว่าอำเภอขึ้นไปในประเทศจีนสูงถึง 87.0% ความเข้มข้นเฉลี่ยของ PM2.5 ในเมืองที่เป็นเขตบริหารสูงกว่าอำเภอขึ้นไปซึ่งไม่ได้มาตรฐาน PM2.5 ได้ลดลง 28.8% เมื่อเทียบกับปี 2015 อัตราน้ำผิวดินคุณภาพดีสูงถึง 83.4% และอัตราความพึงพอใจของชาวจีนต่อคุณภาพของสิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยาเพิ่มขึ้นเป็น 89.5%

แนวคิดและแผนการบรรเทาความยากจนอย่างแม่นยำที่เสนอโดยสี จิ้นผิงนั้น มีความหมายเชิงชี้ขาดต่อการขจัดความยากจนสุดขีด เขาเรียกร้องให้สมาชิกพรรคและเจ้าหน้าที่ทุกระดับไปประจำการในหมู่บ้านโดยตรง เพื่อดำเนินการบรรเทาความยากจนแบบ "หนึ่งต่อหนึ่ง" ในระหว่างการต่อสู้กับความยากจน ตัวเขาเองเคยเดินทางไปยังพื้นที่ยากจนสุดขีดเป็นบริเวณกว้างทั้ง 14 แห่งทั่วประเทศ ระดับความยากลำบากในการบรรเทาความยากจนนั้นเทียบเท่ากับสงคราม มีเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานที่เข้าร่วมการบรรเทาความยากจนมากกว่า 1,800 คนได้อุทิศชีวิตของตนเอง

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 4

ปี 2018 สี จิ้นผิงกลายเป็นผู้นำจีนคนแรกที่สาบานตนต่อหน้ารัฐธรรมนูญ กระบวนการสาบานตนดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดสดทางทีวี

สี จิ้นผิงเสริมสร้างกิจการงานด้านความคิด ส่งเสริมให้วรรณกรรมและศิลปะ ปรัชญาและสังคมศาสตร์ สื่อและสิ่งพิมพ์ วิทยุ ภาพยนตร์และโทรทัศน์ และเครือข่ายสารสนเทศและอื่น ๆ ให้ได้รับการพัฒนาอย่างรุ่งเรือง เขาเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนแรกที่เสนอ "ความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมตนเอง" อย่างชัดเจน เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมร่างรายงานของการประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ซึ่งได้กำหนดค่านิยมหลักของสังคมนิยม เพื่อ "หล่อหลอมจิตวิญญาณ" แก่ประเทศและประชาชาติจีน

สี จิ้นผิงได้ดำเนินการปฏิรูปเชิงปฏิวัติต่อกิจการป้องกันประเทศและกองทัพ เขาเน้นย้ำหลักการ "ปืนสั่งการโดยพรรค" ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหมา เจ๋อตง และได้กำหนดให้ชัดเจนอีกระดับเกี่ยวกับคุณลักษณะของกองทัพที่ขึ้นตรงต่อพรรค และระบบความรับผิดชอบของประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง พร้อมไปกับการดำเนินมาตรการปฏิรูปที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูประบบการนำและบัญชาการของกองทัพ อุปสรรคเชิงระบบ และความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง ตลอดจนปัญหาเชิงนโยบายที่ยับยั้งการสร้างสรรค์ด้านการป้องกันประเทศและกองทัพมาเป็นเวลายาวนานนั้นต่างได้รับการแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไปนำมาสู่การยกระดับความทันสมัยของกองทัพจีนอย่างเห็นเด่นชัด

ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาชาวต่างประเทศวิเคราะห์ว่า ตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง อัตลักษณ์จีนได้กลายเป็นหลักการชี้นำที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในแง่แนวคิดการปกครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นสำคัญ ๆ ทั้งหมดของการพัฒนาของจีนด้วย

ในกระบวนการนี้แนวคิดสี จิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่ก็ได้รับการทดสอบในทางปฏิบัติ ได้ชี้นำอย่างมีประสิทธิผลในกระบวนการทางประวัติศาสตร์แห่งการบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน ทั้งยังมีอิทธิพลต่อทั่วโลกด้วย

TIM/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (26-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (26-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (26-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (25-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (25-04-2567)

陆永江