ในด้านการค้าบริการ ปัจจุบันภายใต้ความตกลงอาเซียน-จีน ก็จะได้ขยายสาขาการเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมด้านวิชาชีพ การสื่อสาร บริการก่อสร้างและวิศวกรรม บริการทางการศึกษา บริการสิ่งแวดล้อม บริการด้านการเงิน และท่องเที่ยว เป็นต้น
กล่าวมาถึงตรงนี้ ท่านทั้งหลายอาจสงสัยว่า ความตกลงฯ อาเซียน-จีนเป็นโอกาสของไทยจริงหรือ ดิฉันขอเรียนว่า หากมองในแง่ของการเป็นคู่แข่งทางการค้า เราคงจะปฏิเสธมิได้ว่า การแข่งขันกับจีนเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้น แม้แต่ประเทศมหาอำนาจเช่น สหรัฐฯ หรือ สหภาพยุโรปต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน เนื่องจากจีนมีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิตอย่างมาก
อย่างไรก็ดี หากมองในแง่ของพันธมิตรทางการค้า อุตสาหกรรมไทยสามารถได้ประโยชน์อย่างมาก เราสามารถนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกจากจีนภายใต้ความตกลงอาเซียน-จีนมาผลิตเพื่อส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อสามารถเข้าถึงตลาดกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน หลีกหนีจากตลาดการค้าที่มีการแข่งขันสูงและมี Margin ต่ำอย่างตลาด Red Ocean ไปสู่ Blue Ocean หรือตลาดที่กลุ่มผู้ซื้อมีกำลังซื้อสูงและมีมูลค่าการตลาดสูง
นอกจากนั้น ในระยะยาวกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียน + 3 (ที่ประกอบด้วยประเทศอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้ง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จะยิ่งเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับไทย เนื่องจากขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยมีประชากรรวมกันกว่า 2,000 ล้านคน มี GDP มูลค่ากว่า 9.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของ GDP โลก ทั้งนี้ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ประเทศอาเซียนรวมทั้งไทย จะได้รับประโยชน์จากความตกลงอาเซียน + 3 นี้ โดยจะทำให้ GDP ของอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงร้อยละ 3.6