เมื่อเอ่ยถึง " จิ่งกังซาน " คนทั่วไปคงรู้ว่า เป็นฐานที่มั่นแดงแห่งการปฏิวัติที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ เมื่อกว่า 80 ปีก่อน คือเมื่อเดือนกันยายนปีค.ศ.1927 ท่านประธานเหมาได้นำกองทัพตั้งฐานที่มั่นตามภูเขาลูกนี้ เพื่อหลบหนีการโอบล้อมจากกองทัพพรรคก๊กมิ่นตั๋งที่มีกำลังพลเข็มแข็งกว่า และคงไว้ซึ่งกำลังเพื่อต่อสู้ต่อไป จนได้รับชัยชนะในที่สุด ดังนั้น จึงได้รับการขนานนามว่า เป็นแหล่งกำเนิดการปฏิวัติแดง มีสถานที่และร่องรอยเกี่ยวกับการปฏิวัติในสมัยนั้น ซึ่งรวมทั้งรูปปั้นของท่านประธานเหมาเหลือไว้ในพื้นที่แห่งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชม หรือไปคารวะด้วย
ขณะนี้ "จิ่งกังซาน" ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สีแดงเท่านั้น หากยังเปี่ยมไปด้วยสีเขียว เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นอุทยานแห่งชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติด้วย
เมื่อเดินทางจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเครียด และเสียงจอแจแต่พอย่างเข้าสู่ดินแดน "จิ่งกังซาน" รู้สึกมีแต่ความสดชื่นและเบิกบานใจ พื้นที่แห่งนี้มีทัศนียภาพสวยงาม ต้นไม้สูงใหญ่ให้ความร่มเย็น ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง มียอดเขาสูงและหุบเขาลึก น้ำไหลเชี่ยวกราก เมฆหมอกลอยล้อมรอบยอดเขา พันธุ์พืชและสัตว์นานาชนิดดำรงชีพอย่างกลมกลืน มนุษย์กับธรรมชาติอยู่กันอย่างเป็นมิตร ซึ่งได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งหลายไปสัมผัสธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี"
จิ่งกังซานตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียงซี โดยมีพื้นที่ถึง 260 ตารางกิโลเมตร นอกจากมีทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีอากาศที่บริสุทธ์สดใส ได้รับการขนานนามว่า เครื่องฟอกอากาศธรรมชาติ ที่นี่ไม่มีมลภาวะ ไม่มีเสียงจอแจ พื้นที่ปกคลุมด้วยป่าไม้สูงถึงร้อยละ 86 มีระบบนิเวศที่ดี นับเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ดีเยี่ยม ปีหนึ่งๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาพักร้อนที่นี่
ขณะนี้ จิ่งกังซานเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติระดับ 5A ของชาติ มีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่ต้องอนุรักษ์ระดับชาติกว่า 30 ชนิด ได้รับสมญานามว่า "สวนสัตว์และสวนพฤกษชาติ" และ "ขุมทรัพย์สีเขียว" ผลงานเหล่านี้ก็ต้องอาศัยจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชาวจิ่งกังซานทุกคน จากจิตสำนึกในการรักษาสภาพแวดล้อมนี่เอง จึงทำให้ระบบนิเวศที่นี่ดีขึ้นทุกวัน อากาศก็สดใสขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ทำให้เครื่องฟอกอากาศธรรมชาติทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
จิ่งกังซานไม่เพียงแต่เป็นภูเขาแห่งการปฏิวัติแดงเท่านั้น หากยังเป็นภูเขาระบบนิเวศสีเขียว ขณะนี้ กำลังมุ่งมั่นในการพัฒนาการท่องเที่ยวและระบบนิเวศให้กลมกลืนกัน ซึ่งเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมานี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 39 ที่จัดขึ้นที่นครบอนน์เยอรมนี องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโกได้ประกาศให้จิ่งกังซาน-ภูเขาอู่อี๋ซานเหนือรวมเป็นมรดกโลก