ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสุข
  2012-03-27 16:11:35  cri

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสุขมีหลายประการ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด(Harvard University) ประกาศผลการวิจัยว่า ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการช่วยเหลือคนอื่น จะทำให้เกิดความสบายใจ ชื่นใจและภาคภูมิใจขึ้น แต่ในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่รู้จักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ที่คำนวนว่า "ตัวเองจะได้เท่าไร ทำเช่นนี้จะคุ้มไหม" กลับเพิ่มมากขึ้น เรามักได้ยินคำว่า "เหนื่อย" ไม่ว่าทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อยใจ หนักใจ ลำบากใจ ก็อาจเป็นเพราะเราคิดมากไป และเทียบความเสียเปรียบได้เปรียบมากเกินไป อยากได้มากแต่ไม่ยอมเสีย และหวังให้คนอื่นเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว ยอมเสียสละ ภาษาจีนมีคำว่า "เส่อเต๋อ" แปลตรงก็คือ "เสีย-ได้" ตัว "เส่อ" อยู่ข้างหน้า ส่วนตัว "เต๋อ" ไว้ข้างหลัง แสดงว่า ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวจีนก็รู้จักความสัมพันธ์ระหว่าง "ได้" กับ "เสีย" แล้ว นั่นก็คือ ไม่ว่าจะได้อะไร ต้องยอมเสียก่อน ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ

อีกประการหนึ่งที่ทำให้ไม่มีความสุขคือ "การไม่รู้จักพอเพียง" ภาษาจีนมีคำพังเพยว่า "จือจู๋เจ่อฉางเล่อ" แปลว่า ผู้ที่รู้จักพอเพียงจะมีความสุขตลอดเวลา แต่ปัจจุบันพบได้ยาก ผู้ที่รู้จักความพอเพียงลดน้อยลงเรื่อยๆ ซื้อบ้านแล้วก็อยากได้หลังใหม่ที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น มีงานทำแล้วยังอยากได้งานที่มีรายได้มากกว่าเดิม มีเงินแล้วอยากมีเงินมากยิ่งขึ้น กระทั่งบางคนแต่งงานแล้วยังอยากหาความรักนอกครอบครัว และคิดว่าความคิดเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเขาไม่ได้ถามตัวเองว่า เมื่อได้บ้านใหญ่ งานดี รายได้มากขึ้นและมีเมียน้อยแล้ว ก็จะมีความสุขจริงหรือไม่ และความมีหน้ามีตาไม่ได้หมายถึงการมีความสุขเท่ากัน

การแข่งขันและการเปรียบเทียบทำให้คนเราขาดความเชื่อถือระหว่างกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าการสื่อสารจะพัฒนามาก ไม่ว่าอี-เมล มือถือ ไมโครบล๊อก โทรศัพท์ ทำให้การติดต่อระหว่างกันเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ชาวโลกมีความรู้สึกเดียวกันคือ ใจห่างไกลกันยิ่งขึ้น ลูกหลานไม่มีเวลากลับบ้านเยี่ยมพ่อแม่ผู้ปกครอง พ่อแม่ไม่มีเวลาพาลูกออกไปเที่ยว สามีภรรยาแต่งงานแล้วยุ่งกับการทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลากลับบ้านกินข้าวด้วยกันสักมื้อเดียว หนุ่มสาวหาแฟนจากอินเตอร์เน็ตและคุยกันทางเน็ตทั้งคืนแต่ไม่ยอมเจอกัน แน่นอนว่าย่อมไม่มีแผนจะแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน เชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีความสุข เพราะแทบสูญเสียความสามารถในการแสวงหาความสุขทั้งหมดแล้ว คนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ จะต้องกังวลเรื่องการซื้อบ้าน การเลี้ยงลูก การดูแลพ่อแม่ การขยันทำงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง และการสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่น จึงมีแรงกดดันมากจนเกือบไม่มีเวลาหาความสุขให้ตนเอง

ความสุขคืออยู้พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว

ชีวิตที่ไม่มีความสุขจะทำให้เกิดโรคภัยไขเจ็บ และอายุสั้นลง แต่ถ้ามีความสุขความพอใจต่อชีวิต ก็จะลดความเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการแพ้ต่างๆ และทำให้อายุยืนยาวขึ้น 7.5 ปีด้วย ดังนั้น เราต้องพยายามหาความสุขของตนให้ได้ ความสุขสำหรับคนส่วนใหญ่อาจหมายถึงงานดี รายได้ดี ครอบครัวดี มีเพื่อนดี แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า บางคนมีครบทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่มีความสุข เพราะว่า ความสุขของกลุ่มคนที่ต่างกันมีความหมายไม่เหมือนกัน บางคนเห็นว่าความสุขคือความร่าเริงแจ่มใส บางคนเห็นว่าความสุขคือจิตใจสงบ บางคนเห็นว่าความสุขคืออยู่กับคู่รักตลอดชีวิต และอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว บางคนเข้าใจว่าความดีใจชื่นใจคือความสุข แต่ความจริง ความสุขจะมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นอีก อย่างเช่นการดูหนัง ดูรายการโทรทัศน์ รับประทานอาหารอร่อยๆ กระทั่งการสูบบุหรี่ อาจจะทำให้บางคนรู้สึกสุขใจและสบายใจ แต่คงไม่สามารถสร้างความสุขถาวรได้

ความสุขจะขึ้นอยู่กับความพอใจของตนมีมากน้อยเพียงใด ถ้าสามารถลดความอยากได้ให้น้อยลง และรู้จักความพอเพียงมากขึ้น ก็จะมีความสุขมากขึ้น บางทีดิฉันคิดว่า ตลอดชีวิตเราส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ "ไม่ตรงเวลา" คือ เมื่อเราอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีกำลังมีความใฝ่ฝัน แต่ไม่มีเวลาไม่มีเงิน ทำอะไรไม่ได้ ออกไปท่องเที่ยวรอบโลกก็ไม่ได้ หรือไม่ต้องถึงขนาดออกไปไหนไกลๆแต่อ่านหนั่งสือดูภาพยนตร์ที่บ้านทั้งวันก็ยังทำไม่ได้ เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน เก็บเงินซื้อรถซื้อบ้าน เลี้ยงลูก ดูแลพ่อแม่ แต่เมื่อถึงวัยที่มีเวลาพอเพียง และไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว เราก็จะเป็นคนแก่ สุขภาพไม่แข็งแรง กินอะไรไม่ลง ไม่มีแรงเดินทางไกลๆ อีกแล้ว ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเสนอให้คนสมัยใหม่ต้องรู้จักความพอเพียง ไม่ต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปกับการทำงาน เพราะไม่มีวันที่จะมีเงินมากพอ พยายามจัดหาเวลาให้ตัวเองบ้าง ไปทำอะไรที่ตนเองชอบและอยากทำ อาจจะได้ความสุขมากขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อมวลชนแห่งหนึ่งของจีนประกาศผลการสำรวจว่า ปัจจุบัน คนจีนที่อยู่ในเมืองใหญ่มีเวลาผ่อนคลายไม่ถึง 3 ชั่นโมงต่อวัน กิจกรรมผ่อนคลายประการแรกคือการดูทีวี ประการที่ 2 คือการท่องอินเตอร์เน็ต ประการที่ 3 คือการนอน ประการที่ 4 คือช้อปปิ้ง เพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่เดินเล่น ไม่อ่านหนังสือ ไม่ค่อยนัดเพื่อนออกไปเที่ยว จนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพื่อนลดน้อยลง กลุ่มคนที่ดำรงชีวิตเช่นนี้ถูกเรียกว่าเป็น "มันฝรั่งบนโซฟา" จะมีความสุขได้อย่างไรเล่า

มหาวิทยาลัยวอร์วิค (The University of Warwick) ประกาศผลการวิจัยในชาวอเมริกันและชาวอังกฤษจำนวน 10,000 คน ปรากฎว่า เมื่อเทียบกับคนหนุ่มสาวแล้ว ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปจะมีความสุขมากกว่า เพราะมีแรงกดดันและความอยากได้ลดน้อยลง มักไม่ตั้งเป้าหมายสูงๆ แสดงว่า ยิ่งรู้จักความพอเพียง จะยิ่งมีความสุข ศูนย์วิจัยเลกาทุม(Legatum Institute)ของอังกฤษได้คัดเลือกประเทศที่มีความสุขมากที่สุด 5 ประเทศในโลก โดยอันดับแรกคือ นอร์เวย์ ซึ่งมีทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีจีดีพีเฉลี่ยต่อคนสูงสุดในโลก คือ 53,000 ดอลล่าร์ต่อปี ชาวนอร์เวย์มีความเชื่อถือต่อคนอื่น 94% ดีใจและพอใจกับสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและสวยงาม 93% เห็นว่าการขยันทำงานจะทำให้ชีวิตมีคุณภาพดียิ่งขึ้น

นอร์เวย์ ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก

อันดับที่ 2 คือ เดนมาร์ค ซึ่งเป็นประเทศที่ประชาชนทั่วไปได้รับการศึกษาระดับสูง ชาวเดนมาร์คมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ มีความมั่นใจมากต่อรัฐบาล มีความเชื่อถือต่อคนอื่น เป็นประเทศที่ชีวิตความเป็นอยู่ระดับสูงสุดในโลก ประเทศอันดับที่ 3 คือ ฟินแลนด์ ประชาชนได้รับการศึกษาระดับสูง และมีประกันการรักษาพยาบาลที่ดี มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ มีความมั่นใจในรัฐบาล สังคมมีความสงบเรียบร้อย อันดับที่ 4 คือออสเตรเรีย ประชาชนสามารถได้รับการศึกษาที่ดีมาก มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ มีความมั่นใจในรัฐบาล มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และเศรษฐกิจพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประเทศที่ 5 คือนิวซีแลนด์ ประชาชนสามารถได้รับการศึกษาชั้นหนึ่งในโลก ชาวนิวซีแลนด์มีความไว้วางใจต่อกัน และยินดีให้ความช่วยเหลือแก่กัน 94% รู้สึกว่าร่างกายกับสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกันอย่างดี

ส่วนในประเทศจีน เมืองที่มีความสุขมากที่สุดของปี 2010 คือเมืองชิงเต่า หางโจว เฉิงตู ต้าเหลียน และจินหัว เมืองเหล่านี้มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม เศรษฐกิจพัฒนา มีบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ดี ราคาบ้านไม่แพงมาก สังคมสงบ ปัญหาว่างงานไม่หนักหน่วง สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040