เหตุผลที่ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจสำคัญของจีนมีหลายประการ ได้แก่

ประการแรก ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่งมาก แม้จะเกิดเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่ในปีที่แล้ว ฐานะการเงินและการคลังมีความมั่นคง ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ที่ระดับสูงถึง 180 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีหนี้สาธารณะเป็นสัดส่วนที่ต่ำคือประมาณร้อยละ 40 ของจีดีพี คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง และการใช้นโยบายเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการใช้จ่ายในโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล คาดว่าการเติบโตของ GDP ของไทยปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 5.5-6.5

ประการที่สอง ประเทศไทยมีนโยบายต้อนรับการลงทุนต่างประเทศ มีการปรับปรุงนโยบายและมาตรการเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนมาโดยตลอด เช่น ในปีนี้เรามีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 23 และจะลดให้เป็นร้อยละ 20 ในปีถัดไป

รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เกี่ยวกับกฎระเบียบการค้าและการลงทุนในไทย เพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทำธุรกิจและลงทุนในประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเอื้อให้บริษัทต่างๆพิจารณาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในประเทศไทยอีกด้วย

ประการที่สาม ไทยมีนโยบายที่จะสร้างความเชื่อมโยงทางกายภาพในภูมิภาค เรามีแผนจะลงทุนในโครงการใหญ่มูลค่าประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง ระบบขนส่งและระบบลอจิสติกส์ภายในห้าปีนี้ ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ และ โครงการท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย สหภาพพม่า ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มประเทศอาเซียนกับภูมิภาคเอเชียใต้

โครงการเหล่านี้ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นศูนย์กลางของจุดเชื่อมระหว่างระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) และระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) การเป็นจุดเชื่อมต่อของเส้นทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะสร้างโอกาสของการค้าและการลงทุนให้กับธุรกิจของทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจจีนที่ต้องการขยายโอกาสในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีตลาดผู้บริโภคกว่า 600 ล้านคน

ขณะที่ประเทศไทยมีทั้งแรงงานที่มีคุณภาพสูงและอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อันดับหนึ่งของโลก อุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัวต่อเนื่องในไทยทำให้เกิดความต้องการในธุรกิจอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมไปถึงพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านพลังงานทดแทนยังจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย จึงขอเชิญชวนให้นักธุรกิจจีนพิจารณาการลงทุนในสาขาที่กล่าวมานี้

ประการที่สี่ นอกจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจดังได้กล่าวแล้ว ยังมีแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ด้วยงบประมาณสูงถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อป้องกันเขตเศรษฐกิจสำคัญต่างๆในประเทศไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมดังเช่นในปีที่ผ่านมา

แผนบริหารจัดการน้ำนี้จะรวมถึง การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน การจัดหาพื้นที่รองรับน้ำ การกำหนดพื้นที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม การปรับปรุงยกระดับถนนเพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งสินค้าต่างๆจะไม่ถูกกระทบ และที่สำคัญจะมีการรวมศูนย์บัญชาการไว้เพียงแห่งเดียว เพื่อให้มีเอกภาพ ให้สามารถบริหารจัดการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพตลอดเวลา

ประการสุดท้าย รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันมีแนวนโยบายที่สอดคล้องกับรัฐบาลจีนในเรื่องของการสร้างเสถียรภาพของสังคมและส่งเสริมในเรื่องของความสมานฉันท์ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกประเทศ ในการที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวก็กำลังเห็นผล สร้างสังคมไทยที่มีเอกภาพ โดยเฉพาะในการสร้างเสริมให้เกิดการปรองดองในทุกภาคส่วนของสังคม และการส่งเสริมความเป็นนิติรัฐอย่างจริงจัง โดยทุกฝ่ายต้องเคารพกฎกติกาของสังคมอย่างเคร่งครัด

(In/Ping)