แม้สงครามโลกครั้งที่ 2 จะผ่านไป 60 กว่าปีแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังซื้อเกาะเตี้ยวอวี๋อย่างเปิดเผย เพื่อทำให้เกาะเตี้ยวอวี๋เป็นดินแดนของญี่ปุ่น ซึ่งการกระทำเช่นนี้คือเป็นการท้าทายระเบียบสากลหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีค.ศ. 1943 จีน สหรัฐอเมริกาและอังกฤษร่วมกันประกาศ "แถลงการณ์ไคโร" ซึ่งกำหนดอย่างชัดเจนว่า ให้ญี่ปุ่นคืนดินแดนของจีนที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง ได้แก่ 4 มณฑลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไต้หวันและหมู่เกาะเผิงหู และเมื่อเดือนกรกฎาคมปีค.ศ. 1945 จีน สหรัฐอเมริกาและอังกฤษประกาศ "สนธิสัญญาปอร์ตสดัม (Potsdam Declaration)" (เดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน อดีตโซเวียดเข้าร่วมด้วย) โดยในสนธิสัญญาข้อที่ 8 ระบุว่า ต้องปฏิบัติตาม"แถลงการณ์ไคโร" ญี่ปุ่นมีอธิปไตยในเกาะฮอนชู ฮกไกโด กิวชู ซิโกะกุ และหมู่เกาะเล็กที่กำหนดไว้
วันที่ 15 สิงหาคมปีค.ศ. 1945 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมรับ"สนธิสัญญาปอร์ตสดัม" และยอมจำนนโดยปราศจากเงื่อนไข ต่อมาวันที่ 2 กันยายนของปีเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกประการของ"สนธิสัญญาปอร์ตสดัม"อย่างจริงจัง ดังนั้น จีนจึงได้เกาะเตี้ยวอวี๋ซึ่งเป็นเกาะบริวารในหมู่เกาะไต้หวันกลับคืนมา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ คำนึงถึงผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ ซึ่งยังมีคดีความกับญี่ปุ่น กลับเป็นพันธมิตรทางการทหารกับญี่ปุ่น ในปีค.ศ. 1951 สหรัฐฯ และบางประเทศกับญี่ปุ่นลงนามใน "สนธิสัญญาซานฟรานซิสโก" ที่ไม่ได้มีประเทศจีนร่วมด้วย โดยกำหนดว่า หมู่เกาะที่อยู่ใต้ละติจูดเหนือ 29 องศามอบหมายให้สหประชาชาติบริหาร และปกครองโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ปีค.ศ. 1953 สหรัฐฯ ขยายขอบเขตการบริหารให้กว้างขึ้นโดยลำพัง จนรวมเกาะเตี้ยวอวี๋ของจีนเข้าไว้ด้วย ปีค.ศ. 1971 สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นได้ลงนามใน "ข้อตกลงการส่งคืนหมู่เกาะโอกินาวะ" โดย "ส่งกลับ"อำนาจปกครองหมู่เกาะริวกิวให้แก่ญี่ปุ่น รัฐบาลจีนคัดค้านญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่มอบดินแดนของจีนให้กับญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาดตั้งแต่แรก และไม่เคยยอมรับข้อตกลงดังกล่าว
Nong/Lr