เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์ "นิวยอร์ค ไทมส์" เผยแพร่บทความของนายเซ่า ฮั่นอี๋ นักวิชาการไต้หวันของจีนเรื่อง "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกาะเตี้ยวอี๋ว์ที่่ญี่ปุ่นไม่กล้าเปิดเผยสู่สายตาชาวโลก" ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญดังต่อไปนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ พฤติกรรมการซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์ของญี่ปุ่น กระุตุ้นให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อ 3 เดือนก่อน นายยูอิชิโร นีวา เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำจีนเคยกล่าวเกี่ยวกับการซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์ของญี่ปุ่นว่า "จะทำให้ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง" ขณะที่นายชินทาโร่ อิชิฮาร่า ผู้ว่าการกรุงโตเกียวกล่าวโจมตีนายยูอิชิโร นีวาเป็นเอกอัครราชทูตที่ปฏิบัติตัวไม่สอดคล้องกับตำแหน่งหน้าที่ และกล่าวโทษเขาว่า "ควรเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศตนเองให้มากยิ่งขึ้น"
นายยูอิชิโร นีวาได้รับแรงกัดดันจึงกล่าวขออภัยเกี่ยวกับคำพูดของตน แล้วถูกปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำจีนคนใหม่ แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ถึงแม้ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มีประชาธิปไตยและมีความหลากหลาย แต่นับวันความเป็นชาตินิยมยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ได้ค่อยๆ ลดทอนความเห็นที่ต้องการประนีประนอมและขัดขวางการสนทนาแบบมีสติ
รัฐบาลญี่ปุ่นยึดมั่นว่า ตามกฎหมายระหว่างประเทศและความเห็นในประวัติศาสตร์ เกาะเตี้ยวอี๋ว์เป็นดินแดนของญี่ปุี่น รัฐบาลญี่ปุ่นยังเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่า "ไม่มีข้อพิพาทเหนือดินแดน" แต่ในสายตาของชาวโลก ข้อพิพาทที่รุนแรงนั้นยังมีอยู่อย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ยอมรับข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกาะเตี้ยวอี๋ว์
นายเซ่า ฮั่นอี๋ได้ค้นพบเอกสารในสมัยเมจิกว่า 40 ฉบับจากหอเอกสารราชการแห่งชาติ หอข้อมูลประวัติศาสตร์ด้านการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ และห้องสมุดสำนักวิัจัยการป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ข้อมูลดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า ราชสำนักญี่ปุ่นในสมัยเมจิตระหนักแก่ใจอย่างเต็มที่ว่า ราชสำนักชิงของจีนมีอธิปไตยเหนือเกาะเตี้ยวอี๋ว์
สิทธิการค้นหาและรับทราบข้อเท็จจริงเป็นรากฐานสำคัญของประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศ ประชาชนญี่ปุ่นมีสิทธิรับทราบถึงสถานการณ์ความเป็นจริงเกี่ยวกับเกาะเตี้ยวอี๋ว์ที่รัฐบาลญี่ปุ่นปกบิดอยู่ แต่จะอย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤตในปัจจุบันคือ บรรดานักการเมืองญี่ปุ่นต่างยกอ้างผลประโยชน์ของชาติมาปลุกระดมกระแสชาตินิยมในหมู่ประชาชน
Ying/feng