วันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญกับญัตติภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในสภา ตามกำหนดการประชุมของรัฐสภา พรรคฝ่ายค้านกับรัฐบาลซึ่งประกอบด้วย 5 พรรคร่วมจะดำเนินการอภิปรายเป็นเวลา 3 วัน เพื่อถอดถอนสมาชิกคณะรัฐมนตรี 4 คน รวมถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย พรรคฝ่ายค้านเห็นว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์เกิดข้อบกพร่องในการบริหารประเทศ มีปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่อย่างพร่ำเพรื่อ ทุจริตคอรัปชั่น ตลอดจนปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่นางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีคนอื่นได้ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
นักวิเคราะห์เห็นว่า เนื่องจากรัฐบาลที่จัดตั้งโดยพรรคการเมือง 5 พรรคมีที่นั่งในสภาประมาณ 2 ใน 3 ดังนั้น การลงคะแนนเสียงญัตติไม่ไว้วางใจในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้คงเป็นไปไม่ได้ การยื่นถอดถอนของพรรคฝ่ายค้านจะไม่ส่งผลกระทบต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อาจจะทำให้การสนับสนุนลดลงไปบ้าง
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการสำรวจประชามติผลงานบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมาหลายประการ ส่วนใหญ่ประเมินไปในทางบวกต่อการบริหารประเทศและการต่างประเทศ แต่เสียงคัดค้านและประณามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายในประเทศก็ไม่ได้ลดลง วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์การพิทักษ์สยามจัดการชุมนุมขนาดใหญ่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งสมาชิกขององค์การนี้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล พวกเขาประณามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทุจริตคอรัปชั่นและมีพฤติกรรมที่ไม่เคารพสถาบัน ผู้มชุมนุมกับตำรวจเกิดการปะทะกัน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน และอีก 100 กว่าคนถูกจับกุม
ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์การเมืองของไทย นโยบายประชานิยมที่เผยแพร่โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของกลุ่มชนชั้นกลางและตระกูลใหญ่ จึงทำให้ได้เปรียบในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่กลุ่มคัดค้านมีกำลังทางการเมือง รวมถึงกองทหารตลอดจนกำลังเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ดังนั้น สองฝ่ายจึงต่อสู้กันมาโดยตลอด ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ปฏิบัติการที่รุนแรงเกินไป ก็จะทำให้สถานการณ์การเมืองของไทยปั่นป่วนผันผวนมาโดยตลอด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของไทยเคยกล่าวว่า เมื่อเผชิญกับการท้าทายหลายประการ หน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์คือ เร่งปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ โดยเร็ว พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพ เพราะว่าประชาชนหวังให้กลุ่มชนชั้นต่างๆและพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมมือกัน
Ying/Lr