"หวังเป่าเฉียง" กับหนังเรื่อง "แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์"
  2013-03-08 10:51:10  cri

"หวังเป่าเฉียง" ชื่อนี้คงไม่คุ้นหูแฟนหนังจีนบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่จีนแผ่นดินใหญ่เรียกได้ว่า "หวังเป่าเฉียง" เป็นดารารุ่นใหม่มาแรงอีกคนที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นเด็กบ้านนอก มาจากชนชั้นแรงงานที่เข้ามาหากินในเมืองหลวง จนสามารถไต่เต้าเป็นดาราได้ด้วยระดับฝีมือคุณภาพ

"หวังเป่าเฉียง" เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบไปพร้อมๆ กับการทำงานขายแรงงานที่ปักกิ่งจนกระทั่งก้าวสู่ตัวเอกอย่างเต็มรูปแบบในละครยาวเกี่ยวกับกองทัพจีนที่ดังกระฉ่อนไปทั่วแดนมังกรเมื่อหลายปีที่แล้ว และมีผลงานภาพยนตร์สร้างชื่อในปี 2004 ที่ร่วมแสดงกับดาราระดับคุณภาพอย่างเช่น หลิวเต๋อหัว เก๋อโยว และหลิวรั่วอิง โดยรับบทเป็น "ส่าเกิน" หนุ่มน้อยใสซื่อ (บื้อ) บริสุทธิ์ ที่คิดว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องลักขโมย

หลังจากมีชื่อเสียงขึ้นมาระดับหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวออกมาว่า "หวังเป่าเฉียง" สร้างบ้านให้พ่อแม่ที่บ้านเกิดที่เมืองสิงไถ มลฑลเหอเป่ย เป็นมูลค่าถึง หกแสนหยวน หรือราวๆ สองล้านกว่าบาท เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวก็บอกแค่ว่าการสร้างบ้านให้พ่อแม่เป็นหน้าที่ของลูกๆอยู่แล้ว

ในปีนี้ "หวังเป่าเฉียง" ยังรับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้ายี่ห้อหนึ่งที่เมืองเฉิงตูซึ่งเจ้าตัวไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าและยังรับหน้าที่เรียกลูกค้าในงานอีกด้วย "หวังเป่าเฉียง" เป็นดาราที่ถือได้ว่า เป็นตัวแทนของชนชั้นกรรมกรอย่างแท้จริง บุคลิกที่เรียบง่ายและติดดินของเขาทำให้ผู้กำกับหนังใหญ่และละครหลายรายต่างก็ต้องการตัวมาร่วมงาน ถึงขนาดมีข่าวลือว่าซูเปอร์สตาร์อย่าง "เฉินหลง" ยังติดต่อเรียกเข้าเป็นดาราในสังกัดอีกด้วย

หวัง เป่าเฉียง (Wang Baoqiang ค.ศ.1984--ปัจจุบัน) นักแสดงหนุ่มที่ฝันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว หนุ่มจากหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในมณฑลเหอเป่ยผู้นี้ใช้ความพยายามไม่ลดละไต่เต้าขึ้นมาเป็นดารานักแสดง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมได้อย่างไรและมีผลงานแสดงอะไรบ้างค่ะ

ที่หวัง เป่าเฉียงแสดงเป็นพระเอก ละครโทรทัศน์เรื่องนี้เป็นเรื่องฮ็อตที่สุดของจีนเมื่อปี 2007 การได้โอกาสแสดงเป็นพระเอกนี้หาใช่เรื่องง่าย หวัง เป่าเฉียงมาเผชิญโชคที่วงการบันเทิงกรุงปักกิ่งเมื่ออายุได้ 15 ปีตั้งแต่ปี 1999 เขาเล่าว่า เริ่มแรก เขาหาโอกาสแสดงเป็นตัวประชาชนทั่วๆ ไป มีการท่องบทสักคำและโผล่หน้าสักครั้งก็ยังดี เพื่อให้คนในหมู่บ้านสามารถมองเห็นตัวเขา แต่เวลาผ่านไปหนึ่งปี เขาไม่มีโอกาสสักครั้ง จึงต้องไปหางานทำที่สนามก่อสร้างเพื่อประทังชีพ เขากล่าวว่า"เมื่อถึงกรุงปักกิ่งแล้ว รู้สึกเสมือนลอยตัวอยู่ในกรุง ไม่มีงานทำจริงจัง เพราะมีอุดมคติของตน จึงวิ่งเต้นเพื่อเป็นนักแสดง ต่อมาการไปทำงานที่สนามก่อสร้างนั้น ที่บ้านเกิดก็ทำงานก่อสร้างได้ ทำไมต้องวิ่งมาหางานทำที่กรุงปักกิ่ง วันๆ ก็ผ่านไปอย่างมัวๆ อะไรก็ไม่ได้เรียน เงินทองก็ไม่ได้ไหลมา จึงรู้สึกว่าอุดมคตินั้นใช่ว่าจะเป็นจริงขึ้นได้ง่ายๆ"

ในยามโดดเดี่ยวและไร้ความช่วยเหลือ หวัง เป่าเฉียงเคยคิดจะเลิกล้มความตั้งใจ ยามนั้น คุณพ่อซึ่งอยู่บ้านเกิดมีจดหมายมา หวัง เป่าเฉียงเล่าว่า"พ่อบอกว่า ทั้งนี้เพราะพ่อไม่ดีพอ แต่อย่าโทษพ่อนะ ทราบว่าลูกอยู่นอกบ้านเหนื่อยมาก ที่บ้านจะคอยและยังอยู่กับลูกตลอดไป จะกลับมาเมื่อไรก็ได้ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากทันที ในยามที่ผมยากลำบากที่สุดนั้น จดหมายฉบับนี้ทำให้ผมตัดสินใจไม่กลับบ้าน จนกว่าจะได้ดิบได้ดีสร้างผลงานขึ้นมา เพื่อให้พ่อชื่นชม"

ในที่สุด เมื่ออายุได้ 16 ปี หวัง เป่าเฉียงผู้มุ่งมั่นได้โอกาสแสดงเป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง "หมาง จิ่ง (Mang Jing)" หรือ "บ่อบอด" คือ แสดงเป็นนักเรียนชนบทที่ไปหางานทำในเมืองและถูกหลอกลวง หวัง เป่าเฉียงมาจากเขตชนบทแสดงด้วยสีสันของตัวเอง เขากล่าวว่า "ในภาพยนตร์ดังกล่าว ให้ผมเปลี่ยนชุดนักเรียน แบกเป้กระเป๋าเดินไปเดินมา ผู้กำกับการแสดงพอเห็นก็พูดว่า ลูกชาวนาแสดงอย่างไรก็ถูกอย่างนั้น ผมคิดว่า ผู้กำกับฯ สนใจผมและรับผมไปแสดง แน่นอนว่าเห็นสิ่งดีสักอย่างในตัวผม การแสดงรอบแรกก็ชมว่าผมดีอย่างนี้ดีอย่างนั้น ทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นทันที"

ภาพยนตร์เรื่อง "หมาง จิ่ง" ได้คว้ารางวัลหมีเงินจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินสมัยที่ 53 ส่วนหวัง เป่าเฉียงเองก็ได้รางวัลม้าทองไต้หวันประเภทดาวรุ่งยอดเยี่ยม (นักแสดงใหม่ยอดเยี่ยม) ต่อมาเมื่ออายุ 20 ปี หวัง เป่าเฉียงได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง "เทียน เสี้ย หวู เจ๋ย (Tian Xia Wu Zei)" หรือ "ใต้หล้าไร้ขโมย" ซึ่งเป็นภาพยนตร์รับปีใหม่ เขาแสดงเป็นหนุ่มชนบทที่ไร้เดียงสา มีความบริสุทธิ์และตรงไปตรงมา การแสดงของเขาสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อนำออกฉายแล้ว หวัง เป่าเฉียงก็มีชื่อเสียงขึ้นมาในชั่วข้ามคืน

ส่วนการออกอากาศละครโทรทัศน์เรื่อง "ซื่อ ปิง ทู จี (Shi Bing Tu Ji)") หรือ "ทหารหน่วยจู่โจม" ในปี 2007 ทำให้หนุ่มชนบทคนนี้พัฒนาขึ้นมาเป็นดาราที่รู้จักกันทุกบ้านทุกเรือนอย่างแท้จริง เขากล่าวว่า

"ช่วงนั้นเหตุใดผมจะแสดงภาพยนตร์ วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้คนทางบ้าน ให้พ่อแม่มองเห็นผมในโทรทัศน์ ในหนัง ก็เพราะคิดว่าอยากจะเหมือนหลี่ เหลียนเจี๋ย (Li Lianjie) หรือ Jet Li จะทำให้คนในหมู่บ้านผมชมว่า "โอ ดูเถอะ ลูกของเธอ" ความคิดในหัวกระโหลกวิเศษจริงๆ คราวนี้เรื่อง "ซื่อ ปิง ทู จี" ได้ออกอากาศทางโทรทัศน์แล้ว ดูกันทั้งหมู่บ้าน ดูจบแล้วไปทำนา แกะข้าวโพดออกจากฝักไปพลางก็วิจารณ์กับพ่อผมไปพลาง ชาวนามีความสนุกแต่เพียงเท่านี้ ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นคนที่ตนเองรู้จักจากจอภาพได้เพราะมันแสนไกล แต่สำหรับตัวผม ชาวนาจึงรู้สึกว่ามันใกล้มาก เป็นสิ่งที่เป็นจริง"

ตัวละครต่างๆ ที่หวัง เป่าเฉียงแสดงนั้น ต่างเป็นหนุ่มชนบทที่ใฝ่สูง มองโลกในแง่ดีและมีความจริงใจ ส่วนในชีวิตจริง หวัง เป่าเฉียงก็เป็นผู้มีความจริงใจและมุ่งมั่นจนประสบความสำคัญด้วยความเหนื่อยยาก ซึ่งเป็นที่ชื่นชมของผู้คนทั้งหลายเช่นกัน

แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์

ช่วงปลายปีของแต่ละปีถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองของการฉายภาพยนตร์ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องต่างใช้ช่วงเวลานี้ในการฉายภาพยนตร์ของตน และสามารถกอบโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ในปี ค.ศ. 2012 ได้มีอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ทุนสร้างไม่มากนัก เพียงแค่ 30 ล้านหยวน แต่สามารถที่จะมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านหยวน พร้อมกับตำแหน่งภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับหนึ่งที่เคยมีมาของประเทศจีน ซึ่งกำกับและนำแสดงโดย สูเจิง (徐峥) พร้อมดาวตลกคู่หู หวัง เป่าเฉียง (王宝强) และ ฮวาง ปั๋ว (黄渤) เช่นเคย

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศจีนอาจจะยังเติบโตไม่มากนัก หากเทียบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศตะวันตก แต่ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการที่ประเทศจีนมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ยิ่งส่งผลให้รายได้ของการฉายภาพยนตร์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ก่อนภาพยนตร์ของจีนโดยมากแล้วมักจะเป็นภาพยนตร์ที่เน้นภาพอลังการ บทที่หนัก แฝงไปด้วยปรัชญา แต่ภาพยนตร์ Lost in Thailand ได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาพยนตร์ในประเทศจีนใหม่หมด

ภาพยนตร์ Lost in Thailand กำกับโดยสวีเจิง และยังแสดงเป็นตัวละครนำของเรื่องอีกด้วย ร่วมด้วยหวังเป่าเฉียงที่แสดงได้สมบทบาทและสร้างเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี นอกจากจะได้รับรายได้ที่มากเป็นประวัติการณ์แล้ว ภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand ยังได้รับคะแนนวิจารณ์ในด้านที่ดีอีกด้วย โดยมีผู้กล่าวว่า จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การนำเสนอที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ รวมถึงการที่ไม่มีการใช้มุขคำหยาบเพื่อสร้างความตลก และยังแฝงเรื่องราวที่น่าประทับใจให้แก่ทุกคนในครอบครัว

เรื่องราววุ่นๆ เรื่องนี้เริ่มจากที่สวีเจิงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีน ได้พบเจอคำทำนายที่ว่าโลกจะแตกเมื่อสิ้นปี ค.ศ. 2012 จึงคิดที่จะออกท่องเที่ยวทิ้งท้ายโดยเลือกที่จะมาเยือนประเทศไทย เพื่อหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ต่างไปจากที่เคยรู้จัก เมื่อเขามาถึงสนามบินก็ทำให้ได้รู้จักกับหวังเป่าเฉียง ชายหนุ่มที่มีความรักให้กับดาราสาวซูเปอร์สตาร์และหวังที่จะถ่ายรูปร่วมกัน เมื่อทั้งคู่ได้พบกันก็พบว่า ความซวยได้เข้ามาหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำสิ่งของต่างๆ เช่น เงิน บัตรเครดิต และพาสปอร์ตหาย ทำให้ทั้งคู่ต้องออกเดินทางร่วมกันในที่สุด

การเดินทางของทั้งสองได้พบเจอกับเรื่องราวแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน เช่น การนั่งรถสามล้อ สีสันของรถแท็กซี่ ภาพของรถจักรยานยนต์ที่ขี่กันอย่างแน่นหนา และที่สำคัญคือ การเข้าใจผิดว่าสาวประเภทสองคือสาวแท้เพราะความสวยงาม

หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ได้เกิดกระแสบอกเล่าแบบปากต่อปาก จนทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 มากยิ่งกว่าภาพยนตร์เรื่อง Titanic 3D ที่ทำรายได้ 976 ล้านหยวน และเป็นภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่สามารถทำรายได้ระดับพันล้านหยวน และยังมีผลทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก นั่นคือ การได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังต่างประเทศ

จากสถิติพบว่า จังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางในเรื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนมายังจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มมากกว่า 3 เท่า เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ยอดการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวชาวจีนยังมีมาก สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นจำนวนมหาศาล จากแต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้จักแต่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างพระบรมมหาราชวัง พัทยา เป็นต้น แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่รอให้ไปค้นหาอีกเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะสาวประเภทสองของไทยที่เป็นสีสันของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้มีการบอกต่อกันไปว่า สาวประเภทสองของไทยนั้นสวยงามยิ่งกว่าสตรีแท้ๆ เสียอีก จากคำกล่าวนี้ทำให้มียอดผู้ชมที่มาชมการแสดงของสาวประเภทสองมีเพิ่มมากขึ้น และทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากอีกครั้ง

ภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand นั้นยังสามารถจะเพิ่มรายได้มากยิ่งขึ้น และหากสามารถนำไปเผยแพร่ยังประเทศยุโรป ก็อาจจะเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นแน่

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040