วันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้เสร็จสิ้นการเยือนต่างประเทศครั้งแรก 9 ประเทศเป็นเวลา 11 วันกลับสู่กรุงวอชิงตัน ซึ่งแตกต่างกับนางคลินตัน ฮิลลารี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศที่จัดการเยือนต่างประเทศครั้งแรกไปประเทศเอเชีย แต่นายเคอร์รีเลือกไปเยือนยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ มานาน
นักวิเคราะห์ชี้แจงว่า นอกจากประกาศจะให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายต่อต้านของซีเรียโดยตรงแล้ว เขายังเปิดเผยว่า นโยบายต่างประเทศของนายโอบามาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ อาจกลับไปเอาใจยุโรปและรับมือกับสถานการณ์ตะวันออกกลาง
นายเคอร์รีได้เยือนอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ตุรกี อียิปต์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเร็ตส์และกาตาร์ตามลำดับ ซึ่งล้วนเป็นประเทศภาคีหรือหุ้นส่วนของสหรัฐฯ และประเด็นสำคัญที่เปิดเผยออกมา คือ ปัญหาซีเรีย มาลีและอัฟกานิสถาน
การแก้วิกฤตซีเรียที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 2 ปีเป็นประเด็นตลอดทางของนายเคอร์รี เขาประกาศในที่ประชุม "เพื่อนซีเรีย" ที่จัดขึ้นที่กรุงโรมว่า สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือเพิ่มอีก 60 ล้านดอลล่าร์สหรัฐแก่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อซีเรียเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนปัญหามาลี อิหร่านและอัฟกานิสถานต่างก็ไม่สำคัญเท่ากับปัญหาซีเรียในการเยือนครั้งนี้ ปัจจุบัน สหรัฐฯ กำลังให้ความช่วยเหลือด้านกำลังสนับสนุนแนวหลังแก่กองทหารของฝรั่งเศสและประเทศแอฟริกาบางประเทศ เพื่อช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ให้โจมตีกลุ่มกำลังอาวุธหัวรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือของมาลี ไม่ให้เขตดังกล่าวตกเป็นที่หลบหนีแห่งใหม่ขององค์การก่อการร้าย
สำหรับปัญหานิวเคลียร์อิหร่านที่ยุโรปและตะวันออกกลางสนใจกันนั้น นายเคอร์รีไม่ได้เปิดเผยนโยบายใหม่ กลับเร่งรัดอิหร่านให้จัดการเจรจากับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยความจริงใจ แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่า เป็นไปไม่ได้ที่เปิดโอกาสให้อิหร่านตลอดไป
Yim/Lr