เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวว่า เรือกวาดทุ่นระเบิด "ยูเอสเอสการ์เดียน" ของสหรัฐฯ ที่เกิดเหตุเกยตื้นในน่านน้ำซูลูทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์นั้น ได้รุกล้ำทำลายอุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะที่มีพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ฟิลิปปินส์จึงเรียกเก็บค่าเสียหายชดเชยจากสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา เรือกวาดทุ่นระเบิด "ยูเอสเอสการ์เดียน" ของหน่วยเรือหมายเลข 7 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เกิดเหตุเกยตื้นแนวหินปะการังในระหว่างการเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ โดยได้ทำลายแนวปะการังพื้นที่กว้าง ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามย้ายเรือดังกล่าวพ้นจากสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กระทรวงกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังต้องการเวลาอีก 2 สัปดาห์จึงจะสามารถนำเรือดังกล่าวพ้นจากสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งทางสหรัฐฯ กำลังเร่งตรวจสอบสาเหตุอยู่
อุบัติเหตุครั้งนี้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งในสังคมฟิลิปปินส์ หลายวันมานี้ มีประชาชนฟิลิปปินส์รวมตัวประท้วงนอกสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา ตามประเพณีสากล การเดินเรือเข้าสู่น่านน้ำเขตอนุรักษ์ต้องขอใบอนุญาตก่อน แต่เรือกวาดทุ่นระเบิดสหรัฐฯ ไม่ได้แจ้งการเดินเรือล่วงหน้า เจ้าหน้าที่อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะเคยเตือนเรือสหรัฐฯ ไม่ให้เข้าน่านน้ำดังกล่าว แต่ทางสหรัฐฯ กลับตั้งใจแล่นเข้าไป
เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา นายเอ็ดวิน ลาเซียร์ดา โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ปะการังทุบบาตาฮะเป็นมรดกโลกที่ผ่านการรับรองขององค์กรยูเนสโกแห่งสหประชาชาติ เป็นสมบัติอันล้ำค่าของฟิลิปปินส์ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฟิลิปปินส์จะเรียกร้องค่าชดเชยจากสหรัฐฯ นายเอ็ดวิน ลาเซียร์ดา ไม่ได้พูดถึงจำนวนค่าชดเชย แต่ตามกฏหมายว่าด้วยอุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะที่ประกาศใช้เมื่อปี 2009 การทำลายปะการังพื้นที่ 1 ตารางเมตรต้องปรับเงิน 12,000 เปโซ หรือประมาน 295 ดอลลาร์ ตามมาตรฐานนี้ สหรัฐฯ ต้องจ่ายค่าปรับ 12 ล้านเปโซ หรือประมาน 295,000 ดอลลาร์
สื่อมวลชนฟิลิปปินส์รายงานว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์จะปรับเงินทหารสหรัฐฯ ด้วยเหตุ "ทำลายปะการัง" และ "ทำลายทรัพยากร" ยอดจำนวนแน่นอนจะตกลงหลังจากช่วยเรือสหรัฐฯ พ้นจากที่เกิดเหตุได้แล้ว
Yim/Ldan