เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติระบุขณะเยือนสเปนว่า หวังว่าเกาหลีเหนือจะมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสันติภาพและความมั่นคงถาวรให้คาบสมุทรเกาหลีอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมใช้ความพยายามดำเนินการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันตึงเครียด
นายพันบัน คีมุนระบุในการแถลงข่าวในวันเดียวกันว่า ขณะนี้ สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความรุนแรง การพิจารณาสถานการณ์อย่างผิดพลาดใดๆ ล้วนจะเกิดผลที่ค่อนข้างร้ายแรง หวังว่าเกาหลีเหนือจะเปลี่ยนทิศทางและรักษาความยับยั้งชั่งใจ ขณะเดียวกัน เขาระบุว่า รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนของเกาหลีเหนือในขณะนี้ระบุว่า น่ากังวลและแก้ไขได้ยาก เขาระบุว่า สันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง เขาหวังด้วยความจริงใจว่า ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถร่วมกันใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาปัจจุบันด้วยการหารือ
เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา นายอเลกซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า การแก้ไขวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ควรใช้วิถีทางการทหาร หากต้องใช้ความพยายามทางการเมืองและการทูตอย่างแข็งขัน ทั้งนี้เป็นภาระหน้าที่ร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ในภูมิภาคนี้
นางแคทเธอรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปทางด้านการต่างประเทศและนโยบายเพื่อความมั่นคงแสดงความคัดค้านอย่างแข็งกร้าว ต่อกรณีเกาหลีเหนือประกาศจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในโรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน ขณะเดียวกันยังเรียกร้องเกาหลีเหนือกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็ว
นางแอชตันยังเรียกร้องผู้นำเกาหลีเหนือใช้ท่าทีเชิงสร้างสรรค์ รื้อฟื้นการติดต่อกับประชาคมโลก ภายใต้กรอบของการเจรจา 6 ฝ่าย เพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีมีสันติภาพและความมั่นคงเป็นการถาวร
ต่อกรณีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติผ่านมติเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ จัดการซ้อมรบร่วม หลายวันมานี้ เกาหลีเหนือใช้มาตรการแข็งกร้าวต่างๆ ตอบโต้ หลังจากประกาศยกเลิก "ข้อตกลงหยุดยิงของเกาหลีเหนือ" และ "ปฎิญญาร่วมว่าด้วยการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี" ให้เป็นโมฆะทุกข้อ และประกาศยกเลิกข้อตกลงทั้งหมดเกี่ยวกับการไม่รุกรานซึ่งกันและกันระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้แล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศว่า ความสัมพันธ์เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะสงคราม เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 5 เมกะวัตต์ รวมทั้งปรับแต่งอุปกรณ์ต่างๆภายในโรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน ซึ่งรวมทั้งโรงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมด้วย วัตถุประสงค์เพื่อเสริมศักยภาพของอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ และแก้ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าอย่างรุนแรง