วันที่ 1 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED ได้เสร็จสิ้นการประชุมว่าด้วยนโยบายเงินตราที่มีวาระ 2 วัน และได้แถลงการณ์หลังปิดประชุมระบุว่า คณะกรรมาธิการตลาดเปิด ซึ่งเป็นองค์กรตัดสินนโยบายของ FED ได้ประกาศรักษานโยบายเงินตราที่ผ่อนคลายในปัจจุบันไว้อีกต่อไป

วันเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมาธิการตลาดเปิดของ FED ผ่านมติฉบับหนึ่งด้วยเสียงสนับสนุน 11 เสียงต่อเสียงคัดค้าน 1 เสียง เนื้อหามติฉบับนี้ตรงกับมติที่ประชุมครั้งที่แล้วซึ่งออกเมื่อเดือนมีนาคมโดยรวม โดยมติฉบับล่าสุดนี้ระบุว่า ตั้งแต่จัดการประชุมนโยบายเงินตราเมื่อเดือนมีนาคมเป็นต้นมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เติบโตอย่างนุ่มนวลในภาพรวม ตลาดการหางานทำก็ดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่อัตราคนว่างงานยังคงสูงเกินไป คาดว่าอัตราเงินเฟ้อระยะกลางอาจจะเข้าใกล้หรือลดต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินคงไว้ซึ่งนโยบายเงินตราผ่อนคลายในปัจจุบัน และจะจัดซื้อพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรเงินกู้แบบมีมัดจำ(MBS) วงเงิน 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็จะรักษาอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายให้อยู่ที่ระดับ 0 – 0.25% ไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อกดดันต้นทุนการกู้เงินให้ต่ำลง และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

เมื่อเทียบกับมติครั้งที่แล้ว มติฉบับปัจจุบันเสนอเป็นครั้งแรกว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเพิ่มหรือลดจำนวนการจัดซื้อพันธบัตรตามอนาคตของตลาดการหางานทำและการขึ้นลงของอัตราเงินเฟ้อ มองในภาพรวมแล้ว มติที่ยึดหลักนโยบายเงินตราที่ผ่อนคลายในปัจจุบันนั้น สองคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด

ภาระหน้าที่หลักของธนาคารกลางสหรัฐฯคือ ส่งเสริมการมีงานทำและรักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง FED ก็ได้ถือ 2 ปัจจัยนี้เป็นเกณฑ์ตัดสินว่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายเงินตราหรือไม่ ภายหลังปิดประชุมนโยบายเงินตราเมื่อเดือนมีนาคม นายชาโลม เบอร์นันเค ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เคยเปิดเผยว่า หากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สูงกว่า 6.5% และอัตราเงินเฟ้อจะไม่ทะลุระดับ 2.5% ในช่วง 1 – 2 ปี ทาง FED ก็จะรักษานโยบายเงินตราที่ผ่อนคลายอีกต่อไป

YIM/FENG