กรุงปักกิ่งมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้วยวัตถุโบราณ โดยเฉพาะจากสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ส่วนประวัติทางด้านวัฒนธรรมและพาณิชย์ก็ยาวนานเช่นกัน มียี่ห้อเก่าแก่เต็มไปทุกที่ทุกมุมในกรุงปักกิ่ง แต่พร้อมกับกาลเวลาและการแข่งขันทางตลาด ปัจจุบัน ร้านเก่าแก่ยี่ห้อโบราณของกรุงปักกิ่งเหลือเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ก็แสดงว่ายังมีคุณภาพที่ดีและน่าเชื่อถือ
ด้านเครื่องแต่งกาย
ในอดีต ชาวปักกิ่งมีสำนวนกล่าวว่า ศีรษะสวมด้วยหม่าจู้หยวน เท้าใส่เน่ยเหลียนเซิง สวมใส่ปาต้าเสียง และเอวรัดด้วยสื้อต้าเหิง ซึ่งสำนวนนี้ กล่าวถึงร้านตัดเสื้อผ้า ทำหมวกและทำรองเท้า คนที่สามารถสวมใส่เสื้อผ้ายี่ห้อดังกล่าวนี้ แสดงว่าเป็นคนมีฐานะ แต่จนถึงปัจจุบัน ยี่ห้อที่กล่าวถึงนั้น เช่น ปาต้าเสียง หมายถึงยี่ห้อที่มีตัวอักษรคำว่า "เสียง" ในชื่อร้านจำนวน 8 แห่งนั้น ตอนนี้เหลือเพียง 2 แห่งเท่านั้น ได้แก่ รุ่ยฝูเสียงกับเชียนเสียงอี้
รุ่ยฝูเสียง เป็นร้านขายผ้าไหม เคยเป็น 1 ใน 8 ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงปักกิ่ง และตอนนี้ รุ่ยฝูเสียงยังคงสืบทอดกิจการมาได้เช่นเดิม เล่ากันว่า "ฝู" เป็นตัวแมลงที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับตัวจักจั่น หนังสือนิทานของสมัยราชวงค์จิ้นบันทึกไว้ว่า "ฝู" เป็นแมลงที่เลี้ยงลูกตามหญ้าเขียวอ่อนอยู่ตลอด ถ้าหากจับตัวลูกมาบ้าน ตัวแม่ก็จะตามมาด้วย ไม่ว่าไกลหรือใกล้ ฉะนั้น จึงมีคนคิดจับตัวแมลงชนิดนี้กลับบ้าน แล้วใช้เลือดของตัวลูกทาเงิน 81 เหรียญ และเลือดของตัวแม่ทาเงินอีก 81 เหรียญ หลังจากนั้น เมื่อเอาเงินเหล่านี้ไปจ่ายตลาด ไม่ว่าจะใช้ไปเท่าไร ตอนคืนเงินก็จะบินกลับมาที่บ้านเก่า ไม่ผิดสักที ฉะนั้น เจ้าของร้านผ้าไหมจึงตั้งชื่อให้ร้านของตนว่ารุ่ยฝูเสียง ก็คือหวังว่าจะทำการค้าขายอย่างราบรื่นและเงินทุนหมุนเวียนคล่องตัว
ปัจจุบัน รุ่ยฝูเสียงประกอบกิจทั้งค้าขายผ้าไหม ขนสัตว์ ผ้าฝ้าย เครื่องหนัง ผ้าใยสังเคราะห์ และชุดประจำชาติ เป็นต้น นับร้อยปีที่ผ่านมา รุ่ยฝูเสียงปฏิบัติตามหลักการ "บริการด้วยความจริงใจ ของแท้ราคาจริง ไม่มีการต่อรอง ไม่โกหกใครๆ" จึงได้รับการยกย่องจากผู้บริโภค ปัจจุบัน ร้านรุ่ยฝูเสียงที่ตั้งอยู่ที่ถนนหวางฝูจิ่งนั้น เป็นร้านที่ต้องเข้าไปชมและเลือกซื้อของนักท่องเที่ยว ซึ่งมักจะได้ชุดจีนหรือผ้าไหมที่ถูกใจติดไม้ติดมือเสมอ
(Ton/Ping)