ชายจีนแซ่หวัง ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ อายุ 40 กว่าท่านหนึ่ง ใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันแบบนันสตอปมานานถึง 10 ปี จนเมื่อเร็วๆ นี้ มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาให้บริการตรวจสุขภาพร่ายกายตามชุมชนพักอาศัยเขตต่างๆ เขาจึงไปขอรับการตรวจรักษา จึงพบว่าอาการมองไม่ชัดและรู้สึกผิดปกติไม่สบายตานั้น เป็นเพราะคอนแทคเลนส์ที่ใส่เสื่อมสภาพและมีการเชื่อมติดกับกระจกตาแล้ว หากฝืนถอดอาจทำให้ตาบอดได้!

คุณหวังนอกจากต้องสะดุ้งในความร้ายแรงของอาการ ยังต้องตะลึงเมื่อทราบถึงว่าเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกต้องของตนนั่นเอง เพราะด้วยความที่รู้สึกว่าการถอดตอนกลางคืนก่อนนอน พอเช้าตื่นมาก็ต้องใส่กลับไปใหม่ ใส่ๆ ถอดๆ ทั้งยุ่งยากและไม่อนามัยด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน จะทานข้าวหรืออาบน้ำ จึงไม่มีการถอดคอนแทคเลนส์เลย

ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า แม้ว่าสาเหตุการป่วยนี้จะพบได้น้อย แต่ผู้สวมใส่คอนแทคเลนส์ส่วนใหญ่ หากออกไปเที่ยวข้างนอกวันสองวันมักจะไม่ถอดเช่นกัน และบางคนก็ใส่ขณะว่ายน้ำก็มี แม้จะสวมแว่นตากันน้ำก็ยังคงเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อได้

รวมถึงสาวๆ วัยรุ่น ที่แม้จะไม่มีความผิดปกติทางสายตา ก็ยังเลือกใส่คอนแทคเลนส์เพื่อความสวยงามหรือตามแฟชั่น แถมยังนิยมติดขนตาปลอมหรือปัดมาสคาร่า ล้วนเป็นการเพิ่มโอกาสทำให้มีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าสู่ดวงตาได้ทั้งนั้น และการพึ่งพายาหยอดตา เพื่อลดอาการตาแห้งหรือบรรเทาความระคายเคืองก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะยาหยอดตามักมีการใส่สารกันเสีย

นอกจากความเคยชินไม่ดีต่อดวงตาดังกล่าว ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่พบบ่อยและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเกิดขึ้นกับนักศึกษาหนุ่มไต้หวัน วัย 19 ปี มีนิสัยชอบใส่หูฟังฟังเพลง และมักเปิดเสียงดังๆ เพราะให้ความรู้สึกมันส์ได้อารมณ์เป็นพิเศษ จนอยู่มาวันหนึ่งใส่หูฟังไปจนหลับ พอตื่นมารู้สึกว่าหูของตนมีอาการผิดปกติ เข้าเรียนก็พบว่าได้ยินเสียงอาจารย์ไม่ชัดเจนเหมือนเก่าจึงรีบไปพบแพทย์

หลังการตรวจของแพทย์พบว่า หูข้างขวาการฟังยังคงปกติ แต่ข้างซ้ายระดับการได้ยินอยู่ที่ 70 เดซิเบล คือ ประสาทการรับฟังได้รับความเสียหายในระดับกลางซะแล้ว ซึ่งแพทย์ได้ให้ยามารักษาเป็นเวลาสองอาทิตย์ แต่ก็ว่าช่วยได้เพียงให้อาการดีขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถกลับไปเป็นปกติได้แล้ว

ดังนั้น วัยรุ่นหรือวัยใดที่มีใจรักเสียงเพลงมากเป็นพิเศษ นอกจากต้องระมัดระวังในเรื่องของระดับเสียงไม่ให้ดังเกินไปแล้ว ก็ต้องพยายามอย่าใส่ติดต่อกันนาน และควรหลีกเลี่ยงการใช้หูฟังแบบที่เสียบเข้าไปในรูหู

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府