นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะพบปะกับนายบาร์รัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สวนวอลเตอร์ แอนด์ ลีโอโนร์ อันเนนเบอร์กในระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายนนี้ วงการต่างๆของสหรัฐฯ ต่างรอคอยกับการพบปะครั้งนี้ โดยหวังเห็นการสร้างอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ข่าวเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีทั้งสองประเทศนั้น ได้รับการสนใจอย่างมากจากวงการต่างๆ ของสหรัฐฯ และมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า การพบปะกันครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีความหมายพิเศษและยาวไกล นายสเตบลีตัน รอย อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีนเห็นว่า การพบปะครั้งนี้ จะกำหนดทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้ จะเกี่ยวข้องถึงหลายด้าน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรที่จะสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างมหาประเทศ จนทำให้ความสัมพันธ์แบบการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศมีความเสถียรภาพ นอกจากนี้ ยังคงพูดคุยในประเด็นบางส่วนให้เป็นรูปธรรม เช่น สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ตะวันออกกลาง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่จะเจรจากันคงมีทั้งหลักการชี้นำทางยุทธศาสตร์แบบมหภาค และปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสภาพความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในปัจจุบัน
บุคคลและสื่อมวลชนสหรัฐฯ จำนวนไม่น้อยล้วนเห็นว่า ยุทธศาสตร์การสร้างความสมดุลในเอชีย-แปซิฟิค ข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะปัญหาแฮกเกอร์ทางอินเตอร์เน็ตของจีนที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรงของสื่อมวลชนนั้น ควรเป็นประเด็นที่อยู่ในหัวข้อปัญหาการเจรจราระหว่างผู้นำสองประเทศ แต่นายมิเชล สเปนซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนแบลกลับเห็นว่า ผู้นำของทั้งสองประเทศไม่ควรใส่ใจแต่ปัญหาเหล่านี้เท่านั้น หากควรมุ่งมั่นในการสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่เป็นผลดีต่อทั่วโลก มีความมั่นคงและเปิดเผย
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการสหรัฐฯ ที่ได้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า การพบปะกันระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐฯ ควรมองการณ์ไกล มีแนวคิดชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างมหาประเทศ รวมถึงกำหนดเป้าหมายและกรอบการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในระยะยาว
(Ying/Ping)