เมื่อย่างสู่ฤดูกาลสำเร็จการศึกษาของจีน เหล่าบัณฑิตทั้งหลายต่างต้องยักย้ายกระจายกันไปหางานตามหัวเมืองใหญ่หรือตามที่ทำงานเรียกตัวไป และไม่ว่าจะเป็นความต้องการเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน ต่างเป็นเลือดสดใหม่ที่หล่อเลี้ยงให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน เกิดการหมุนเวียนที่คล่องตัวขึ้นคึกคักขึ้นอีกรอบ
สำหรับตัวนักศึกษาที่เพิ่งจบและต้องการก้าวสู่สังเวียนชีวิตแล้ว นอกจากต้องเผชิญความกดดันจากการหางานทำ ยังมีเรื่องหาบ้านพักมากวนใจกันด้วย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการถกประเด็นในสังคมกันอย่างร้อนแรงถึงเรื่องควรจะเช่าห้องดีหรือซื้อบ้านดี?
กลุ่ม "จบปุ๊บซื้อปั๊บ" ได้แก่ หนุ่มสาวจีนรุ่นเกิดช่วงทศวรรษปี 90 ที่เข้าทำนองซ้ายกำใบถือครองกรรมสิทธิ์บ้าน ขวาแนบใบประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษา กลายเป็นแฟชั่นที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาสังคมของจีน ที่ว่าคนรุ่นใหม่เพิ่งจบการศึกษาแต่ต้องสำนึกในเรื่องการซื้อบ้านกันแล้ว และแน่นอนมักเป็นทางบ้านสนับสนุนด้านกำลังทรัพย์ รวมไปถึงอาจช่วยจัดหาซื้อให้เสร็จสรรพกันเลย เหมือนอย่าง หวังเหว่ย บัณฑิตหนุ่มคณะวิศวกรรมโยธา ที่ผู้เป็นพ่อแม่ได้ซื้อห้องชุดให้เค้าที่เมืองปินโจว มณฑลซานตง ตั้งแต่เพิ่งเริ่มเรียนปี 1 พอเรียนจบหางานทำได้ก็มีบ้านพร้อม บอกสบายหมดห่วงไปได้เยอะเลย
และแน่นอนคนหนุ่มที่โชคดีอย่างหวังเหว่ยเป็นเพียงส่วนน้อย หนุ่มสาวรุ่นทศวรรษปี 90 ของจีนส่วนใหญ่ไม่สามารถตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนไปได้โดยไม่ต้องคิดกังวลเรื่องบ้าน ดังนั้น จึงยังลังเลไปมาระหว่างซื้อดีหรือเช่าดี แต่เมื่อคำนึงถึงราคาค่าเช่าที่ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เมืองปินโจวก็มีแนวโน้มขยับขึ้นประมาณ 150-200 หยวน หลายคนจึงเห็นว่าการจ่ายค่าเช่าที่แพงขึ้นเรื่อยๆ สู้เสียเป็นค่าผ่อนบ้านตนเองไม่ได้
ผู้จัดการหวัง หัวหน้าฝ่ายขายห้องพักย่านกลางเมืองปินโจวให้ข้อมูลว่า เข้าสู่เดือนมิถุนายน ผู้ที่มาดูห้องเป็นคนหนุ่มสาวซะมาก บางวันต้องรับลูกค้ากว่าสิบรายเลยทีเดียว บางส่วนเป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบเท่านั้นและก็มักจะมีพ่อแม่มาดูเป็นเพื่อน บางส่วนมากับแฟนเพื่อช่วยกันเลือกห้องหอ ซึ่งการออกแบบและคอนเซปต์ของห้องที่นี่จะเป็นแบบขนาดกลางและเล็ก ประมาณ 60-90 ตารางเมตรเป็นสำคัญ จึงตอบรับกระแสกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ได้อย่างดี
แต่นอกจากกลุ่มหนุ่มสาวบัณฑิตสดๆ ร้อนๆ ต่างคิดเตรียมการซื้อบ้านกันเป็นแถวแล้ว แน่นอนว่ายังมีหนุ่มสาวจีนเกิดช่วงทศวรรษปี 80 ที่ต้องกระโดดเข้าร่วมวงซื้อบ้านด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มนี้จะมีความต่างกับกลุ่มแรกที่เพิ่งจบหมาดๆ ตรงที่พยายามด้วยตนเองก่อน เนื่องจากหลังจบการศึกษาแล้ว ก็ได้เข้าทำงานจนพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง ที่สำคัญหนุ่มสาวกลุ่มทศวรรษปี 80 นี้ ย่างเข้าสู่วัยที่สมควรแก่การแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว และจากความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นตามวัย ทำให้พิจารณาที่จะซื้อบ้านเพื่อใช้เป็นเรือนหอแรงกล้ากว่าการคิดเพียงเช่าอยู่ไปเรื่อยๆ
เหมือนอย่าง เสียวหลี่ ที่ทำงานด้านสื่อสิงพิมพ์เล่าว่า หลังจากจบการศึกษาและทำงานที่เมืองปินโจว มณฑลซานตงมาได้สองปีกว่าแล้ว ก็เพิ่งตัดสินใจกับสามีซื้อห้องชุดขนาดประมาณ 95 ตารางเมตรทางตะวันตกของเมืองด้วยกัน โดยเงินดาวน์งวดแรกพ่อแม่สามีเป็นคนออกให้ ค่างวดที่เหลือเป็นหน้าที่ของเธอและสามี สำหรับคู่แต่งงานใหม่อย่างเธอการรับผิดชอบจ่ายเดือนละสองพันกว่าหยวนถือว่าไม่หนักหนาเท่าไหร่
ด้านผู้เชี่ยวชาญจีนแสดงทัศนะว่า แฟชั่นเรียนจบแล้วรีบซื้อบ้านดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะจากข้อมูลสำรวจเมื่อปี 2010 ของศูนย์วิจัยตลาดบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งร่วมกับธนาคารกวงต้าระบุว่า อายุเฉลี่ยของผู้ซื้อห้องชุดแรกของปักกิ่งอยู่ที่ 27 ปีเท่านั้น เทียบกับพื้นที่อื่นรวมถึงต่างประเทศเฉลี่ยแล้วจะมีอายุ 30 ขึ้นไปทั้งนั้น ที่ต่างประเทศน้อยนักที่คนหนุ่มสาวตามหัวเมืองใหญ่วัยเพียง 20 กว่าจะรีบหาซื้อบ้านกัน
ผู้เชี่ยวชาญแนะว่า สำหรับคนวัยหนุ่มสาว ที่หน้าที่การงานยังไม่เป็นรูปเป็นร่างไม่มั่นคงนัก แถมยังมีอุดมการณ์ไล่ตามความฝันอยู่ ก่อนอายุ 40 ปีน่าจะเลือกเช่าห้องอยู่ไปก่อน เพราะแม้ว่าการซื้อบ้านจะให้ความรู้สึกอุ่นใจได่มากกว่า แต่ในวัยที่อยู่ระหว่างการบุกเบิกกรุยทางให้กับกิจการหน้าที่การงานของตนแล้ว บ้านอาจเป็นภาระอย่างหนึ่งต่อการเปลี่ยนหรือย้ายงานก็ได้ การตัดสินใจซื้อบ้านเร็วเกินไปของคนหนุ่มสาว นอกจากเป็นภาระตนเองแล้วย่อมสร้างความลำบากให้กับพ่อแม่ด้วย หากคิดจะซื้อก็ควรซื้อโดยพิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจของตนเป็นสำคัญดีกว่าการไหลตามน้ำเห่อตามกระแสสังคม
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府