ระหว่างบรรทัด :ความร่วมมือไทย-จีน ในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภาษาสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติ
  2013-07-23 10:09:31  cri

ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ของไทย ได้นำคณะกรรมาธิการชุดต่างๆของวุฒิสภา มาศึกษาดูงานที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองของจีน โดยได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ ในประเด็นเกี่ยวกับภารกิจในการเดินทางมาครั้งนี้ พร้อมกับแนวทางการสร้างความร่วมมือของสองประเทศในระดับนโยบายและงานที่เกี่ยวข้องกับนิติบัญญัติ

รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ของไทย กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ได้มีโอกาสพบปะกับ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่งและทีมไทยแลนด์เพื่อรับฟังข้อมูลทั้งความสัมพันธ์ด้านต่างๆ และด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาต่างๆที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่

นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปพบกับ นาย อวี๋ เจิ้ง เชิง ประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน ซึ่งเป็นผู้เชิญคณะผู้แทนไทยมาในครั้งนี้ มีการเจรจาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของฝ่ายนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ และหารือแนวทางสร้างร่วมมือเพื่อเชื่อมต่องานด้านนิติบัญญัติในอนาคต รวมทั้งหารือความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนดูงานของบุคลากรระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและโครงการแลกเปลี่ยนสมาชิกของทั้งสองสภาฯ (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) มาศึกษาเรื่องภาษาและวัฒนธรรม

รองประธานวุฒิสภาฯ คนที่ 1 เคยมีประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ภาษาจีน โดยได้รับทุนจากสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีนในยุคที่นายเจี่ย ซิ่ง หลิง เป็นประธานสภาฯ เพื่อมาเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีนที่มหาวิทยาลัยเป๋ยว่าย หรือมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเห็นว่าการรู้จักและสื่อสารภาษาของกันและกันได้ จะเป็นสะพานเชื่อมไมตรีได้อย่างดี นอกจากจะสร้างความเข้าอกเข้าใจ รู้จักกันและกันได้ง่ายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการถ่ายทอด วิถีชีวิต วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่คล้ายคลึงและใกล้เคียงกันด้วย

นอกจากการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอแลกเปลี่ยนในการส่งบุคลากรของทั้งสองฝ่ายมาเรียนรู้กันและกัน การใช้ภาษาและการเรียนรู้เกี่ยวกับงานนิติบัญญัติและงานออกกฎหมายแล้ว การหารือยังได้ขยายไปสู่ประเด็นการแลกเปลี่ยนและสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนด้วย เรียนรู้ประสบการณ์ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หรือประเด็นอ่อนไหวต่างๆที่จีนเผชิญอยู่ รวมทั้งความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การกำหนดเชิงนโยบายและงานด้านนิติบัญญัติ

ในการพูดคุยและรับฟังข้อมูลสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยจีนจาก เอกอัครราชทูตไทย ณ. กรุงปักกิ่งและทีมไทยแลนด์ พบว่า แม้สองประเทศมีความสัมพันธ์กันยาวนาน มีความร่วมมือด้าน ด้านเศรษฐกิจ การลงทุนและการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมหาศาล แต่กลับปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้เรื่องภาษาของกันและกัน ทำให้การติดต่อด้านต่างๆ ไม่คล่องตัวมากเท่าที่ควร

นายสุรชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญจากการไม่เรียนรู้ภาษาของคนอื่นและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในด้านนิติบัญญัติ ซึ่งยังมีคนจำนวนมากคิดไม่ถึง โดยเฉพาะการเตรียมพร้อม เพื่อเข้าสู่ประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ การออกฎหมาย พิจารณาเงื่อนไขหรือข้อกำหนดใดๆ ที่จะใช้บังคับภายในประเทศ ก็ต้องมีความเข้าใจบริบทของประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดภาวะเสียเปรียบของผู้ลงทุนชาวไทย เพราะความไม่รู้ความหมาย และไม่เข้าใจในเนื้อหาของกฎหมายต่างประเทศ อันอาจส่งผลเสียต่อชาวไทยโดยรวมด้วย ดังนั้นแนวทางการส่งเสริมบุคลากรให้เรียนรู้ภาษาของเพื่อนบ้านและภาษาต่างประเทศอื่นๆ จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะส่วนงานด้านนิติบัญญัติ ซึ่งเมื่อคณะเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว ก็จะประสานงานเพื่อเชื่อมต่อความร่วมมือในระดับนโยบายต่อไป

โสภิต หวังวิวัฒนา เรียบเรียง

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040