สวนผักในเมืองเซ่าซิง มณฑลเจ้อเจียง เสียหายจากอากาศร้อนจัด

ขณะนี้ในประเทศจีนกำลังเผชิญสภาพอากาศ วิกฤตอากาศร้อน เป็นภัยความร้อนที่เกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะทุเลาลง โดยพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากคือบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ หลายพื้นที่อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส เมืองกว่า 20 แห่ง ถูกประกาศเป็นเขตได้รับผลกระทบจากภัยความร้อน คิดเป็นประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว

คลื่นอากาศร้อนได้เริ่มปกคลุมพื้นที่ทางภาคตะวันออกและตอนกลางของจีนตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เช่น บริเวณหวงไหว เจียงฮั่นและฉงชิง ที่อุณหภูมิสูงเกิน 37 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ 17 มิถุนายน ต่อเนื่องถึงต้นเดือนกรกฎาคม

ล่าสุดไม่กี่วันมานี้เมืองซินจาง มณฑลเจ้อเจียง อยู่ทางภาคกลาง อุณหภูมิสูงขึ้นถึง 43 องศาเซลเซียส สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ของปีนี้ และนับได้ว่า น่าจะเป็นปรากฎการณ์ภัยความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดที่จีนเคยเผชิญมา

ขณะที่มณฑลอื่นเจียงซู หูเป่ย หูหนาน อันฮุย เจียงซี ฝูเจี้ยนหรือฮกเกี้ยน และนครฉงชิ่ง จะยังมีอุณหภูมิสูงอีกต่อไปหลายวัน ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 คน

จนกระทั่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน ได้ เตือนภัยอากาศร้อน เป็นระดับสีส้ม และสีแดงต่อเนื่องกันหลายวัน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

การวัดระดับเตือนภัยอากาศร้อนมี 3 ระดับ ได้แก่

ระดับ 1 สีเหลือง อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส

ระดับ 2 สี ส้ม อุณหภูมิสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส

ระดับ 3 สี แดง อุณหภูมิสูงกว่า 39องศาเซลเซียส ขึ้นไป

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวจีน ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญอากาศร้อนที่อาจทำให้ป่วยไข้ จนกระทั่งเสียชีวิตได้ แต่ยังส่งผลเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรจำนวนมาก เช่นที่เมืองหังโจว ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง ชาจีนหลงจิ่ง ที่มีชื่อเสียง ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีช่างภาพถ่ายรูป ทำให้เห็นภาพต้นชาเหี่ยวแห้งตายจำนวนมาก รายงานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานการเกษตรเมืองหังโจว แสดงความเป็นห่วงว่า สภาพอากาศที่ยังคงร้อนต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตใบชาหล่งจิ่งในปีหน้าด้วย

นอกจากนี้ยังมีพืชอีกหลายพื้นที่ ไหม้ตายจากความร้อนและพบกับปัญหาแมลงกินพืชระบาด โดยไม่สามารถพ่นยากำจัดศัตรูพืชได้เพราะอุณหภูมิที่สูงมากทำให้ยาระเหยอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ผล

ล่าสุด วันที่10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ลุกท่วมต้นหลิวอายุกว่า 200 ปี ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตซินโจว เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน คาดว่าเป็นผลจากอากาศร้อน

ก่อนหน้านี้ มีปรากฎการณ์แปลกๆที่คาดว่าอาจเกิดจากสาเหตุเดียวกัน เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม มีแม่บ้านชาวจีน เมืองโหล่วตี่ในมณฑลหูหนัน ตอกไข่แล้วพบลูกเจี๊ยบตัวอ่อนที่เพิ่งฟักในฟอง เมื่อตอกใบอื่นๆก็พบสภาพคล้ายกัน และมีเหตุการณ์ รถบรรทุกปลาสดพลิกคว่ำ ระหว่างรอการช่วยเหลือ ความร้อนทำให้ปลาที่กระจัดกระจายบนถนน กลายสภาพเป็นปลาปิ้งและเนื้อสุกแล้วบางส่วน

เช่นเดียวกับกรณีที่มีผู้ทดลอง ทอดไข่ เบคอน ย่างกุ้ง ท่ามกลางอากาศร้อนจัด จนทำให้เนื้อต่างๆสุกได้

สภาพอากาศเช่นนี้ มีคำแนะนำจากแพทย์แผนโบราณจีนในการดูแลตัวเองเพื่อให้มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ดังนี้

1.แนะนำให้ดื่มชาเขียวในหน้าร้อน เติมเกลือ เพื่อทดแทนการขาดเกลือแร่ในร่างกาย

2. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นในหน้าร้อน เพราะน้ำเย็นจะปิดรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้ความร้อนในร่างกายระบายออกไม่ได้ แนะนำให้อาบน้ำอุ่นดีกว่า

3. แนะนำให้ดื่มน้ำถั่วเขียวต้ม เติมเกลือเล็กน้อย ให้รสปะแล่ม หรือเมนูเปลือกแตงโม หั่นชิ้นเล็ก ผสมทำข้าวต้ม เพื่อ แก้ร้อนใน

4. ต้องดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอทั้งวัน ไม่น้อยกว่า 8 แก้ว หรืออาจเพิ่มมากกว่านั้นในวันที่อากาศร้อนจัด

มีเทคนิคด้วยว่า ในหน้าร้อนให้ดื่มน้ำอุ่น แล้วในหน้าหนาวให้ดื่มน้ำเย็น เพื่อสร้างสมดุลในร่างกาย ปรับให้อุณภูมิสมดุลระหว่างร่างกายข้างนอกในใกล้เคียงกันมากที่สุด จะได้ไม่ป่วย

5. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานๆ เพราะอาจจะเป็นไข้ และลมแดด โดยใช้ร่มหรือหมวกกันแดด และหยุดพักเป็นระยะๆ

สำหรับวิธีการลดไข้ ตามหลักแพทย์แผนจีนคือให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้รูขุมขนเปิดระบายความร้อนในร่างกายได้ดี

6. สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี เช่น แพรไหมจีน และผ้าฝ้าย

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการช่วยลดสภาพอากาศร้อนในระยะยาว ที่พวกเราทุกคนมีส่วนร่วมได้คือการช่วยกันปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา และช่วยเพิ่มออกซิเจนในอากาศ และลดการใช้ทรัพยากร เพื่อประหยัดพลังงาน รวมทั้งการเลือกใช้สิ่งของต่างๆให้คุ้มค่ามากที่สุด นำสิ่งของที่สามารถรีไซเคิลได้มาใช้ซ้ำ ก็จะเป็นอีกวิธีในการช่วยดูแลโลกใบนี้ของเราร่วมกัน