驻泰新大使见面会
|
กรุงเทพฯ –24 กันยายน 2556 เวลา 10.00 น. นายหนิงฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยคนที่ 11 ทำการแถลงข่าวและพบปะสื่อมวลชนที่ไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
ภายในงานมีนักข่าวจากหลายสำนักทั้งไทยและเทศมาร่วมงานเป็นจำนวนมากกว่า 30 คน การแถลงข่าวและพบปะสื่อมวลชนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังจากที่นายหนิงฟู่ขุยเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยคนที่ 11 ต่อจากนายก่วน มู่ เนื่องจากในวันที่แถลงข่าวเป็นช่วงที่ใกล้เวลาวันชาติจีน (วันครบรอบ 64 ปีสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน) จึงถือโอกาสนี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของประเทศไทยและจีน รวมถึงการพัฒนาของประเทศจีนด้วย และช่วงสุดท้ายจะเปิดโอกาสให้นักข่าวถามเพิ่มเติมก่อนจะจบงาน
นายหนิงฟู่ขุย ได้กล่าวในงานแถลงข่าวว่า "ในฐานะที่เป็นเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยคนที่ 11 นับตั้งแต่ได้มาปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงปลายสิงหาคมเป็นต้นมา ข้าพเจ้าได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง มีนักข่าวหลายคนอยากทำสัมภาษณ์พิเศษ ข้าพเจ้าก็ตั้งใจจะพบกับสื่อมวลชนทุกท่านโดยเร็วไว แต่เนื่องจากภารกิจค่อนข้างมากจนถึงวันนี้จึงจัดหาเวลาได้ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นวาระที่เฉลิมฉลองการครบรอบ 64 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงขอถือโอกาสของงานในวันนี้แนะนำสภาพต่างๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-ไทยและความฝันของประเทศจีน
ตลอดหนึ่งเดือนที่มาปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศไทย ได้สัมผัสถึงความผูกพันและมิตรสัมพันธ์ที่เป็นครอบครัวเดียวกันระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย ประชาชนชาวไทยมีไมตรีจิตรที่บริสุทธิ์จริงใจต่อประชาชนชาวจีน ทั้งสองประเทศมีความประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน การที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือที่มุ่งผลเป็นจริงเป็นการตัดสินที่แสดงถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งว่าประเทศจีนและไทยเป็นแบบอย่างที่ดีในการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ร่วมมือกันอย่างเอื้อประโยชน์และพัฒนาก้าวหน้าด้วยกันระหว่างประเทศที่มีระบอบสังคมที่ต่างกัน ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาผู้นำของทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนกันอย่างบ่อยครั้ง ความร่วมมือในหลากหลายด้านเกิดผลสำเร็จนานัปการ ตอนนี้จีนเป็นเป้าหมายการส่งออกอันดับที่ 1 แหล่งนำเข้าอันดับที่ 2 และแหล่งนักท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ของไทย ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของจีนท่ามกลางประเทศต่างๆในอาเซียน นับตั้งแต่ไทยได้เป็นประเทศผู้ประสานงานของความสัมพันธ์จีน-อาเซียนเป็นต้นมา ได้ใช้ความพยายามต่อเนื่องในการส่งเสริมความมั่นคงและการพัฒนาของความสัมพันธ์จีน-อาเซียน
ปัจจุบันนี้ ความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีนและไทยกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมื่อยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่เชิงประวัติศาสตร์นี้และทอดสายตามองสู่อนาคต ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีภาพอนาคตที่กว้างไกล มีศักยภาพแห่งความร่วมมือที่ใหญ่หลวง ข้าพเจ้าคิดว่าการพัฒนาความสัมพันธ์จีนไทยต้องมุ่งมั่นสร้างสรรค์ในทิศทางดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 ส่งเสริมการเยี่ยมเยือนกันระหว่างผู้นำ การแลกเปลี่ยนการเยือนซึ่งกันและกันอย่างบ่อยครั้งระหว่างผู้นำเป็นประเพณีอันดีงามของทั้งสองประเทศ มีบทบาทอันไม่สามารถแทนที่กันได้ในการพัฒนาสัมพันธภาพจีน-ไทย ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันระหว่างทั้งสองประเทศได้เจาะลึกเข้าไปในจิตใจของประชาชนทั้งสอง การไปมาหาสู่กันในระดับผู้นำของจีนและไทยเสมือนการเยี่ยมญาติ ฝ่ายจีนยินดีต้อนรับพระบรมวงศานุวงศ์ และตัวแทนรัฐบาล รัฐสภา ผู้นำเหล่าทัพของไทยไปเยือนจีนบ่อยๆ และจะผลักดันให้ผู้นำจีนมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น
ประการที่ 2 ส่งเสริมความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าหมายให้ยอดการค้าระหว่างสองประเทศบรรลุ 1 แสนล้านดอลล่าร์ในปี ค.ศ. 2015 ได้กำหนดความร่วมมือใน 4 สาขาหลัก อันได้แก่ ระบบรถไฟ การบริหารจัดการน้ำ พลังงานสะอาดและการศึกษา และได้กำหนดโครงการความร่วมมือสำคัญๆหลากหลายด้าน อย่างเช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทะเล เป็นต้น ต่อไปนี้ พวกเราต้องพยายามผลักดันความร่วมมือทั้งหมดนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ให้เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ประการที่ 3 ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมเสมือนเป็นสายสัมพันธ์โดยตรงที่เสริมสร้างความเข้าใจและความผูกพันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ หลายปีมานี้ จีนและไทยมีการพัฒนาการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมที่คึกคักและเป็นไปด้วยดี บนพื้นฐานนี้ ทั้งสองประเทศต้องส่งเสริมความร่วมมือในด้านวัฒนธรรม การศึกษา ภาษา การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนให้มากยิ่งขึ้น เพิ่มพูนการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน ส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทำให้มิตรภาพจีน-ไทยสานต่อและสืบทอดไปชั่วลูกชั่วหลาน 3-5 ปีข้างหน้า จีนจะมอบทุนการศึกษารัฐบาลให้กับประเทศอาเซียน ฉีดเงินเข้ากองทุนพิเศษซึ่งเป็นกองทุนแห่งความร่วมมือภูมิภาคเอเชียเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทยจะก้าวไปสู่ระดับใหม่อีกระดับหนึ่ง
ทุกท่านอาจจะสนใจสภาพการพัฒนาของประเทศจีนเป็นอย่างมาก เมื่อไม่นานมานี้ ฯพณฯ หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนได้ไปเข้าร่วมงานนิทรรศการจีน-อาเซียน และการประชุมเวทีดาวอสฤดูร้อน 2013 ท่านได้แนะนำสภาพต่างๆ การพัฒนาของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะแนวคิดของผู้นำจีนชุดใหม่ที่เน้นปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และผลักดันการปฏิรูป คิดว่าท่านทั้งหลายอาจจะไปทำความเข้าใจบางส่วนแล้ว ข้าพเจ้าอยากเน้นย้ำว่า ถึงแม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังส่งผลกระทบในระดับกว้างและลึกอย่างต่อเนื่อง แต่การพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคมของจีนยังอยู่ในช่วงระยะเวลาที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งสามารถสร้างผลงานอันโดดเด่นได้ จีนจะวางแผนบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสามงานหลัก อันได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมั่นคง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนปฏิรูป ดำเนินมาตรการและนโยบายที่เป็นนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น ยืดหยัดแนวทางการปฏิรูปเปิดประเทศอย่างแน่วแน่ พยายามบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามที่ได้ตั้งไว้
ในช่วงการจัดประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จีนได้ตั้งเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ว่า ต้องสร้างสังคมที่มั่งมีศรีสุขอย่างเสร็จสมบูรณ์ภายในปี ค.ศ. 2020 และในช่วงกลางๆของศตวรรษนี้ สร้างประเทศจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่มั่งคั่งปรองดอง มีความเป็นประชาธิปไตย มีอารายธรรมและคุณธรรม ดำเนินความฝันที่ฟื้นฟูชาติจีนให้มีความเจริญรุ่งโรจน์ให้ปรากฏเป็นจริง ความฝันของจีนไม่เพียงแต่จะสร้างความผาสุกให้กับชาวจีนอย่างเดียว ยังจะช่วยผลักดันการพัฒนาของโลกอีกด้วย
จีนยืนหยัดแนวทางการพัฒนาที่เป็นสันติภาพตลอด ปฏิบัติตามแนวคิดที่ร่วมมือกับประเทศต่างๆเพื่อนำไปสู่ชัยชนะด้วยกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จีนมีเจตนารมณ์ว่า ถ้าตนเองต้องพัฒนา ก็ต้องให้คนอื่นพัฒนา ถ้าตนเองต้องมีเสถียรภาพ ต้องให้คนอื่นรู้สึกปลอดภัยด้วย ถ้าตนเองมีชีวิตที่ดี ก็ต้องให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีด้วย จีนยืนหยัดวิสัยทัศน์ที่พัฒนาด้วยกันและจับมือสร้างความมั่นคงด้วยกัน ยินยอมใช้การพัฒนาของตนเองเพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้โลกมีสันติภาพและเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จีนจะพยายามเผยแพร่วิสัยทัศน์ใหม่ที่บูรณาการระหว่างคุณธรรมและผลประโยชน์ ในขณะที่ติดต่อความสัมพันธไมตรีกับประเทศที่กำลังพัฒนา จีนจะให้คุณธรรมและผลประโยชน์อยู่ควบคู่กันไป โดยเน้นเรื่องคุณธรรมและศีลธรรมเป็นหลัก เพิ่มพูนการช่วยเหลือต่อประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆอย่างต่อเนื่อง เกื้อกูลให้ประเทศเหล่านี้มีการพัฒนาที่พึ่งพาตนเองได้และเป็นไปอย่างยั่งยืน
จีนจะยืนหยัดถือภูมิภาคที่อยู่ข้างๆเป็นทิศทางหลักในการดำเนินการทูต ขอยกตัวอย่างความสัมพันธ์จีน-อาเซียน ทั้งสองฝ่ายได้สร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางประเทศที่กำลังพัฒนาในโลก มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและใกล้ชิดต่อกัน ทุกๆปีมีประชากรไปมาหาสู่กันกว่า 13 ล้านคน ยอดการค้าได้เพิ่มขึ้นจาก 54,800 ล้านดอลล่าร์ในปี ค.ศ. 2002 เป็น 400,100 ล้านดอลล่าร์ในปีค.ศ. 2012 มีการขยายตัวสูงถึง 20% ต่อปี ปีค.ศ. 2012 อัตราการสร้างประโยชน์ที่จีนมีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียมีมากกว่า 50% ต่อไปนี้ จีนจะมีการทุ่มเทกับประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น ยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พยายามบรรลุเป้าหมายว่า ภายในปี ค.ศ. 2020 มียอดการค้าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลล่าร์ อีก 8 ปีข้างหน้า เพิ่มการลงทุนอีก 150,000 ล้านดอลล่าร์ จีนจะส่งเสริมการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคและความร่วมมือด้านการเงินและทะเล ผลักดันการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายทรานส์เอเชีย ปรับปรุงกลไกเตือนภัยวิกฤตการเงินและกู้ภัยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ประยุกต์ใช้กองทุนความร่วมมือด้านทะเลจีน-อาเซียนซึ่งมีมากถึง 3,000 ล้านหยวน และสร้างเป็นไฮไลท์ใหม่ของความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน
ประเทศจีนจะขยายการเปิดประเทศให้กว้างมากยิ่งขึ้น แบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศต่างๆทั่วโลก คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่า 10 ล้านล้านดอลล่าร์ ลงทุนไปในต่างประเทศเป็น 5 แสนล้านดอลล่าร์ คนจีนที่ออกนอกประเทศจะมากกว่า 4 ร้อยล้านคน ซึ่งทั้งนี้ เป็นโอกาสใหญ่หลวงที่จีนจะนำไปสู่ทั่วโลก นอกจากจะยกระดับการพัฒนาของเศรษฐกิจจีนแล้ว จีนจะยกระดับการปฏิรูปเปิดประเทศและความร่วมมือกับต่างประเทศอีกด้วย
สื่อมวลชนทั้งหลายที่มาในงานวันนี้ เป็นสื่อที่มีชื่อเสียงในสังคมไทย ได้ดำเนินความสัมพันธ์ที่ดีกับสถานทูตจีนมาตลอด และได้มีบทบาทดุจเหมือนสะพานอันสำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือฉันมิตรระหว่างจีนและไทย ในอนาคต หนทางการพัฒนาของความร่วมมือจีน-ไทยจะกว้างไกลมากยิ่งขึ้น มิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองจะสนิทแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลายจะเอาใจใส่และสนับสนุนความสัมพันธไมตรีจีน-ไทยตลอด สถานทูตจีนก็จะพยายามอำนวยความสะดวกแก่หน้าที่การงานท่านอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้าเชื่อว่า ภายใต้ความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน สัมพันธภาพจีน-ไทยจะเปิดฟ้าใหม่อันสวยงามยิ่งขึ้น"
เมื่อถามถึงความรู้สึกและสิ่งที่ประทับใจตั้งแต่มารับตำแหน่ง นายหนิงฟู่ขุยกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง เพื่อศึกษาและชื่นชมศิลปวัฒนธรรมของไทย รู้สึกตื่นตาตื่นใจ มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ และยิ่งไปกว่านั้นรอบๆตัวได้ยินเสียงพี่น้องชาวจีน ซึ่งคาดว่าประมาณ 80% เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและไต้หวัน วันแรกที่เดินทางมาถึง มีความประทับใจต่อชาวจีนโพ้นทะเลและชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกพี่น้องเหล่านี้มีความใส่ใจต่อการเป็นไปของประเทศจีนเป็นอย่างดี ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการศึกษา หลังจากที่จีนเปิดปฏิรูปแล้วบางคนก็ได้กลับไปลงทุนในประเทศจีน ช่วยพัฒนาและแลกเปลี่ยนในหลายๆด้านอีกด้วย
ในเรื่องของการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจด้วยกัน นายหนิงฟู่ขุยกล่าวว่าการสร้างรถไฟจะช่วยพัฒนาและแก้ไขปัญหาความยากจน โดยจีนได้เปรียบทางด้านเทคนิค อุปกรณ์ ต้นทุนและประสบการณ์ และยังได้ยกตัวอย่างรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีน ซึ่งแต่ก่อนได้ใช้บริการบ่อยครั้ง เนื่องจากบ้านเกิดของนายหนิงฟู่ขุยอยู่ที่เมืองเทียนจิน จะมีโอกาสนั่งรถไฟสายปักกิ่ง-เทียนจินซึ่งมีระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาทีเท่านั้น และยังได้เชิญชวนสื่อมวลชนหากมีโอกาสน่าจะได้ไปลองนั่งและสัมผัสเทคโนโลยีด้านการรถไฟของจีนดูเพื่อจะได้เข้าใจและมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากข้อได้เปรียบหลายเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ระบบรถไฟของที่จีนยังเน้นเองความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆอีกด้วย
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿