วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นวันอาหารโลกครั้งที่ 33 ซึ่งประเด็นสำคัญในปีนี้คือ "พัฒนาระบบอาหารอย่างยั่งยืน เพื่อความมั่นคงทางอาหารและโภชนการ" หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังร่วมกับประชาคมโลก เพื่อพยายามประกันความมั่นคงทางอาหาร
แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังคมจีนได้ให้ความสำคัญมากขึ้นกับปัญหาด้านอาหาร อีกทั้งยังรณรงค์ให้ประชาชนกินอาหารให้หมดจาน เพื่อเป็นการประหยัด และลดความสิ้นเปลือง แต่การสิ้นเปลืองอาหารยังคงมีให้เห็นอยู่ ถึงแม้จีนได้แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน แต่ยังมีประเทศจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาอาหารไม่เพียงพอ นายหนิว ตุ้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรจีนระบุว่า มีแต่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ได้แก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ทั่วโลกจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาความมั่นคงของอาหารได้ กระทรวงเกษตรจีนให้ความสำคัญกับการดำเนินความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตรกับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อปรับปรุงระดับการผลิตอาหารให้สูงขึ้น ผู้แทนสำนักงานโครงการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติได้ชื่นชมผลการดำเนินงานด้านนี้ของรัฐบาลจีน โดยกล่าวว่า ประชากรโลกร้อยละ 20 อาศัยอยู่ในจีน กล่าวสำหรับจีนแล้ว ปัญหาอันดับแรกคือ สนองความต้องการด้านอาหารให้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นการลดแรงกดดันต่อตลาดอาหารของโลก ทำให้ประเทศอื่นสามารถซื้ออาหารได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ในฐานะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองและประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของโลก จีนได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคด้านการเกษตร รวมทั้งสนองเทคโนโลยีและการสนับสนุนด้านการเงิน แบ่งปันประสบการณ์และบทเรียนในการประกันความมั่นคงทางอาหารของตนแก่หลายประเทศแสดงบทบาทที่สำคัญในการช่วยเหลือประเทศอื่นให้มีความมั่นคงทางอาหาร