หลู่ : แล้วมีอะไรที่รู้สึกว่าไม่ได้เหมือนจินตนาการของตัวเองหรือเปล่า หลังเข้ามาในซี อาร์ ไอแล้ว
เยี่ยน: ดิฉันได้ข่าวว่า ซีอาร์ไอเรามีแผนที่จะสร้างตึกใหม่ ก็เลยตื่นเต้นมาก ตึกที่ทำงานตอนนี้ พื้นที่ไม่ค่อยพอใช้ แคบไปหน่อย เพื่อน ๆ ที่เข้ามาพร้อมกับดิฉันบางคนยังไม่มีที่นั่งประจำเลย
เผิง : ก็แสดงให้เห็นว่า ซีอาร์ไอของเรากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา งานมาก คนมาก อาคารที่ทำงานไม่พอ
หลู่ : พี่เองก็มั่นใจว่า สิ่งแวดล้อมการทำงานของเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
เยี่ยน: ค่ะ พวกเราก็หวังอย่างนั้น
เผิง: สำหรับดิฉันคิดว่า การผลิตรายการวิทยุก็ไม่เหมือนที่ดิฉันคิดไว้ เพราะในความเข้าใจของดิฉันวิทยุเป็นเรื่องลึกลับ ไม่รู้ว่าผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงบางคนมีหน้าตาอย่างไร แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วที่กระบวนการผลิตรายการเป็นอย่างไร แล้วเห็นหน้าโฆษกที่ไม่เคยพบมาก่อน ก็เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว
หลู่ : ทำไมครับ น้องรู้สึกว่าโฆษกที่มีชื่อเสียงที่อยู่ข้างหลัง หน้าตาไม่ได้ดีเท่าที่คิดหรือครับ
เผิง : ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่ไม่ค่อยเหมือนที่คิด
หลู่ : อยากถามว่าในความรู้สึกแล้ว การสอบเข้าซี อาร์ ไอ มาทำงานเกี่ยวกับวิทยุนะครับ กระบวนการสอบยากไหม
เยี่ยน: ตอบตรง ๆ การสอบเข้าทำงานซี อาร์ ไอก็เพื่อที่จะได้งานที่เราใฝ่ฝันมานาน กระบวนการสอบเข้มข้นทีเดียว พวกเราต้องสอบหลายรอบ ในการสอบครั้งแรกต้องสอบภาษาอังกฤษ และความรู้ทั่วไปด้วย
หลู่ : ความรู้ทั่วไปหมายความว่าอะไร มีอะไรบ้างครับ
เยี่ยน: ก็เป็นความรู้ทุก ๆ ด้านนะคะ เช่น ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ คณิตศาสตร์ วัฒนธรรม เป็นต้นค่ะ
หลู่ : โอ้โห ครบท้วนจังเลย แต่พี่ว่า ก็ดีนะ เพราะว่าเราไม่ได้ทำงานเป็นโฆษก อ่านข่าวอย่างเดียว เราต้องทำงานอื่น ๆ อย่างไปสัมภาษณ์ เรื่องสัมภาษณ์ก็เป็นวิชาความรู้ที่ต้องคอยเพิ่มทักษะนะครับ และก็เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร ซึ่งเราต้องเรียนรู้แล้วก็สัมภาษณ์เจาะลึกให้ตรงประเด็น เราก็ต้องมีความรู้พื้นฐาน ความรู้พื้นฐานมาจากอะไร ก็พวกความรู้ที่เป็นทั้งที่น้องแนะนำ อย่างเช่นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเมืองด้วย สำหรับสุภาพสตรีหรือพนักงานหญิง อาจจะยากไปหน่อย แต่ความจริงก็น่าสนใจนะครับ ดูพวกรุ่นพี่ก็เก่งกันทุกคน เขาไม่ได้เก่งตั้งแต่ตอนที่เข้ามา แต่เป็นเพราะหลังจากฝึกฝน เรียนรู้เพิ่มเติมนะครับ ทำให้เติบโตและคล่องตัว สามารถทำงานได้ดี แล้วหลังจากการสอบที่เล่ามา มีการสอบข้อเขียนไหมครับ
เยี่ยน: ก็มีค่ะ หลังจากการสอบครั้งนั้นแล้ว ก็จะมีการสอบวิชาชีพก็คือภาษาไทยนั่นเอง แบ่งออกเป็นการสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์ค่ะ
หลู่ : สอบที่ไหนครับ
เผิง : ก็สอบที่ห้องภาคภาษาไทยเราค่ะ
หลู่ : สงสัยวันนั้นพี่ไม่ได้มาทำงาน เสียดายจริง ๆ ไม่งั้นอยากร่วมสอบด้วย แล้ว สอบเนื้อหาสาระอะไรบ้างครับ
เยี่ยน: สอบข้อเขียนจะเป็นการสอบแปลเป็นหลักค่ะ แปลจีนเป็นไทยและแปลไทยเป็นจีนค่ะ ดิฉันยังจำได้ว่าวันนั้นข้อสอบยังเกี่ยวกับการสร้างเขตการค้าเสรีจีน -อาเซี่ยน แล้วยังมีบทความแนะนำโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจีน
หลู่ : หลังจากสอบข้อเขียน มีสอบสัมภาษณ์ไหม
เผิง : ค่ะ การสอบสัมภาษณ์ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญชาวไทยและหัวหน้าภาคภาษาไทย ตั้งคำถามในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังให้พวกเราแนะนำตัวเองค่ะ
หลู่ : แล้วมีคำถามอะไรที่เรารู้สึกตอบยากเป็นพิเศษหรือเปล่า
เผิง :พวกรุ่นพี่ถามดิฉันว่า ถ้าเทียบกับยั่นจื่อ ดิฉันมีข้อได้เปรียบอะไรบ้าง ดิฉันคิดว่า คำถามนี้ยากมาก เพราะว่า เยี่ยนจื่อเป็นคนที่เรียนเก่ง เก่งกว่าดิฉัน พูดไทยดีมาก แล้วยังเป็นเพื่อนที่ดีของดิฉัน จึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
หลู่ : แล้วในที่สุดตอบอย่างไร
เผิง : ดิฉันก็พูดง่าย ๆ ว่า วิชาเอกของดิฉันและเยี่ยนจื่อแตกต่างกันอย่างไร เพราะว่าเยี่ยนจื่อเรียนวรรณคดี และดิฉันเรียนการแปล ดิฉันก็อาธิบายให้พู้สัมภาษณ์ฟังว่า แตกต่างกันอย่างไร
หลู่ : หมายความว่าวิชาการแปลมีความสำคัญมากกว่าใช่ไหม
เยี่ยน :ใจร้ายจริง ๆ นะคะ
เผิง : ไม่งั้นถ้าถามคุณเยี่ยนจื่อ คุณจะตอบอย่างไร
เยี่ยน : ดิฉันก็จะตอบอย่างตรง ๆ ว่า ต่างคนต่างมีจุดแข็งของตนค่ะ อย่างนี้ภาคภาษาไทยเราจึงจะมีบุคลากรที่มีความรู้ทั่วทุกด้าน และมีส่วนเกื้อกูลกันอย่างสูง จึงจะสามารถร่วมแรงร่วมใจกันทำรายการที่มีสาระและน่าฟังยิ่งขึ้น
หลู่ : รู้สึกดีใจเรามีน้องใหม่ที่มีคุณภาพและก็ขยันแข็งขัน มองโลกในแง่ดี และมีความสามารถ ที่สำคัญคิดดีนะครับ อยากถามน้องสองคนว่า มีความฝันอะไรในการทำงานที่ซี อาร์ ไอ ภาคภาษาไทย
เยี่ยน : ดิฉันตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นสิ่งใหม่ ๆทั้งหมด แต่ดิฉันสนใจการอ่านข่าวและการทำรายการวิทยุ ดังนั้นน่าจะให้ความสำคัญในจุดนี้
เผิง : ส่วนดิฉันตั้งใจเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในด้านภาษา ด้านสื่อสารมลชน ด้านวัฒนธรรมก่อน หลังจากนั้น ถ้ามีความสามารถพอสมควรแล้วจึงจะตั้งเป้าหมายอื่น ๆ ที่มีระดับสูงกว่านี้
หลู่: ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ ยินดีต้อนรับน้องสองคน เข้าเป็นสมาชิคครอบครัวภาคภาษาไทยของเรา
เยี่ยน : ดิฉันก็ดีใจมากที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมงานทุกคนค่ะ
เผิง : ยินดีที่ได้พูดคุยกับท่านผู้ฟังทุกท่าน ขอให้มีความสุขทุกวันค่ะ
หลู่: ท่านผู้ฟังครับ เวลาของรายการวันนี้หมดลงแล้ว ขอบคุณที่ติดตามรับฟัง ผมหลู่เฟิง พร้อมทั้งน้องเยี่ยนจื่อและน้องเผิงเซ่าอ้ายต้องลาท่านไปก่อน แล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ
เยี่ยน :สวัสดีค่ะ
เผิง : สวัสดีค่ะ