โรงเรียนชนชาติยูนนานจึงจัดตั้งขึ้น โดยได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว นักเรียนของโรงเรียนชนชาติยูนนาน มีประมาณ 60% เป็นชนกลุ่มน้อย
หยันเวินขั่นเป็นเด็กชายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆในสิบสองปันนา นอกจากพ่อแม่ กับคุณปู่อายุแปดสิบปี ยังมีพี่ชายและน้องสาว ทั้งหมดมีหกคน การดำรงชีวิตต้องพึ่งพาการทำการเกษตรของพ่อแม่เป็นหลัก หยันเวินขั่นกล่าวว่า โรงเรียนประถมในหมู่บ้าน มีแค่ครูชาวไตคนเดียว เปิดสอนวิชาเพียงสามวิชาคือ คณิตศาสตร์ ภาษาจีนและการกีฬา หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนชนชาติยูนนาน สภาพแวดล้อมการเรียนการสอนดีขึ้นมาก นักเรียนไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าห้องพัก นอกจากนี้ โรงเรียนยังให้ค่าใช้จ่ายทุกคนเดือนละ 300 หยวน เป็นเงินใช้จ่ายมากพอสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ในโรงเรียน ลดภาระของครอบครัว
โรงเรียนชนชาติยูนนานเป็นโรงเรียนกินนอนที่จัดตั้งโดยรัฐบาล ขณะนี้ มีครูชนกลุ่มน้อยจำนวน 48 คน เท่ากับหนึ่งในสามของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในโรงเรียน ครูที่ทำงานที่นี่ เมื่อเทียบกับครูในโรงเรียนทั่วไป ต้องทุ่มเทเวลาและความพยายามมาก เพราะนักเรียนพักอยู่ในโรงเรียน ครูต้องดูแลนักเรียน 24 ชั่วโมงอย่างเต็มเวลา พวกเขาไม่เพียงเป็นครูสอนหนังสือ แต่ต้องเป็นทั้งพ่อแม่ และดูแลชีวิตความเป็นอยู่ในเวลาอื่น ๆ ด้วย
รัฐบาลยูนนานให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ลงทุนให้โรงเรียนชนชาติยูนนานจำนวนมาก มีเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายของนักเรียนยากลำบากมีประมาณปีละหนึ่งล้านหยวน เพื่อให้เด็กใช้จ่ายเพียงพอทั้งการเรียนและการดำรงชีวิต นอกจากนี้ยังมีเงินทุนสำหรับการศึกษาภาคบังคับของโรงเรียนมัธยมตอนต้น ประมาณปีละ 18 ล้านหยวน เพื่อไม่ให้เด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเนื่องจากยากจน และพยายามดูแลเด็กเมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษา
นักเรียนชนกลุ่มน้อยหลายคนที่จบจากโรงเรียนมัธยมชนชาติยูนนาน สามารถสอบเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่พวกเขาใฝ่ฝันได้ โรงเรียนแห่งนี้จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กชนกลุ่มน้อยได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น
Nune/Peng