ปี 2013 กำลังจะผ่านไป ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอได้สัมภาษณ์นายจัง เสวียกัง นายลั่ว หย่งคุน และนางซ่ง อิ่งฮุ่ย ซึ่งต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาจีน-อาเซียนจากสถาบันประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน โดยพวกเขาได้กล่าวถึงสภาพการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจ และการทูตของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2013 พร้อมสังเกตการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียน

นายจัง เสวียกัง เห็นว่า กล่าวถึงสภาพการณ์ทั่วไปแล้ว ประเทศอาเซียนต่างเจอปัญหาที่ต้องแก้ไข แรงกดดันด้านเศรษฐกิจก็ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เช่น เมียนมาร์กับกัมพูชา ที่กำลังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการปฏิรูปเชิงประชาธิปไตย โดยมีการปฏิรูปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ได้มีปัญหาบางอย่าง กลุ่มที่ 2 เช่น ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างมีการศึกษาทดลองระบบประชาธิปไตยค่อนข้างนานแล้ว แต่ปัจจุบันได้เกิดการซับซ้อนทางการเมืองมากขึ้น ถือว่าอยู่ในระยะการพัฒนาการปฏิรูปทางการเมือง ส่วนกลุ่มที่ 3 ได้แก่ เวียดนามและลาว ซึ่งเป็นประเทศสังคมนิยม โดยสองประเทศนี้ต่างก็มีความต้องการที่จะปรับปรุงทางการเมือง แรกกดดันด้านการพัฒนาก็ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

นางซ่ง อิ่งฮุ่ย เห็นว่า ประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่เป็นประเทศองค์เศรษฐกิจใหม่ ถึงแม้ว่าต่างพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เศรษฐกิจในปีนี้เติบโตน้อยลง ปีที่แล้ว เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตเป็น 7% แต่ของปีนี้ คาดว่าจะเป็น 5% เศรษฐกิจอาเซียนยังมีความพึ่งพาอาศัยปัจจัยภายนอกมากอยู่

นายจัง เสวียกัง กล่าวอีกว่า ในเวทีระดับโลก อาเซียนมีฐานะสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีความสำเร็จด้านการส่งเสริมความร่วมมือกับจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น แต่ตัวอาเซียนเองยังมีข้อจำกัดในด้านความสามารถจึงทำให้เกิดปัญหาบางอย่าง เช่น ในด้านหนึ่ง อาเซียนได้รับความชื่นชอบจากประเทศใหญ่ในโลก อีกด้านหนึ่ง ฐานะของอาเซียนในเอเชียก็ได้ถูกประเทศใหญ่บีบบังคับเช่นกัน

นายลั่ว หย่งคุน เห็นว่า ในปี 2013 ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนมีผลคืบหน้าสำคัญ ถือเป็นจุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2013

Yim/Ldan